เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2017 ที่ผ่านมา ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้จัดงาน FinTech Challenge 2017: Fast Forward for the Future ที่โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ สยามสแควร์วัน
โดยในงานจะเป็นการแข่งประกวดเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการเงินในหัวข้อต่างๆซึ่งในการประกวดนี้ยังได้มี โปรเจคที่มีความเกี่ยวข้องกับ Cryptocurrency อย่าง cryptovation ที่เป็นโปรเจคในการเขียน Robot ในการทำ Arbitrage Trading ในการตรวจสอบราคาของ Cryptocurrency ในแต่ละตลาดอีกด้วย
ซึ่งไฮไลต์หลักในงานนี้คือการเจาะลึกประเด็นเกี่ยวกับ ICO ซึ่งเป็นวิธีการระดมทุนแบบใหม่ที่กำลังมาแรงมากในขณะนี้ โดย ICO นั้นย่อมาจาก Initial Coin Offerings เป็นการระดมทุนที่คล้าย IPO แต่ใช้เงินดิจิตอลเข้ามาร่วมระดมทุน ซึ่งวิธีการระดมทุนแบบนี้ได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงปีที่ผ่านมาแต่มันยังมีปัญหาที่เกี่ยวกับทางกฎหมายที่ยังไม่มีกฎข้อบังคับใดรับรอง ซึ่งบุคคลผู้มาตอบคำถามในประเด็นนี้คือ คุณกรณ์ จาติกวนิช ผู้เป็นประธานสมาคม Fintech และด้านล่างคือเนื้อหาการบรรยายจากคุณกรณ์
“ICO เป็นเรื่องยากและใหม่มาแรงที่ปฎิเสธไม่ได้”
ICO เป็นเทคโนโลยีทีมีมา 2 ปีแล้วแต่ปีนี้มันสร้างมูลค่าแก่ตลาดอย่างมหาศาล ให้กับตลาด Cryptocurrency อย่าง Bitcoin
ICO เป็นช่องทางวิธีการแบบใหม่ของ start up ที่ต้องการเงินทุน
เนื่องจากในอดีต startup นั้นจะไม่ค่อยมีช่องทางนอกจากขอเงินจากพ่อแม่เพื่อนหรืออย่างเก่งก็คือการของเงินทุนจาก Angel investor ทำให้ start up ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจาก VC สามารถหาเงินทุนได้
มันประสบความสำเร็จได้จากการที่คนเริ่มคุ้นเคยรูปแบบการระดมทุนอย่าง Crowdfunding แต่เป็นในรูปแบบ Cryptocurrency และเทคโนโลยี Blockchain ซึ่ง ICO จะมีอนาคตหรือไม่ก็ขึ้นกับว่าเราจะเชื่อในเทคโนโลยี Blockchain หรือเปล่าซึ่งเทคโนโลยีของมันนั้นมีประโยชน์แน่นอน
ซึ่งโดยส่วนตัวหลักการของตัว Crypto เป็นสิ่งที่ผมมีความเชื่อมั่นเชื่อมั่นเพราะเมื่อเทียบกับเงินสกุลปกติอย่างเงินดอลลาร์นั้นเราไม่สามารถมีส่วนร่วมกับมันได้เลย และ 5-6 ปีที่ผ่านมานั้นมีนโยบายพิมพ์เงินดอลลาร์ ออกมาไม่รู้กี่เท่าในฐานะผู้ใช้และผู้เก็บเราไม่สามารถมีส่วนร่วมกับนโยบายได้แล้วแต่มันก็ยังมีความน่าเชื่อถืออยู่จากรัฐบาล ซึ่งในระบบ Cryptocurrency อย่าง Bitcoin นั้นมันมีนโยบายและวินัยที่ชัดเจนกว่าว่าผลิตยังไงจำนวนจำกัดเท่าไหร่ อาจจะเถียงได้ด้วยซ้ำว่ามันมีความน่าเชื่อถือกว่าเงินดอลลาห์เพียงแต่ที่ผ่านมามันมีความไม่ชัดเจนว่ามันเอาไปทำอะไรได้บ้าง จนกระทั่งมีการระดมทุนแบบ ICO ทำให้มันมีการเติบโตมาก
มันเป็นการออก Token ในการซื้อสิทธิบางอย่างในอนาคตของธุรกิจนึง เช่น มีห้างสรรพสินค้านึงออกมาระดมทุน ICO โดยบอกว่า Token นั้นสามารถซื้อสินค้าได้โดยมีส่วนลด ถ้าเราเชื่อมั่นในห้างสรรพสินค้านั้น ก็สามารถซื้อ Token ของเค้า ซึ่งมันทำให้เกิดการเก็งกำไรของเหรียญในตลาด
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
มันเป็นเรื่องใหม่และเสี่ยงรวมถึงเข้าใจยาก
มันเป็นเรื่องใหม่และเสี่ยงรวมถึงเข้าใจยากก็จริงแต่ในอนาคตมันอาจจะกลายเป็นช่องทางของ SME ทั่วไปด้วยซ้ำเนื่องจากการกู้ยืมเงินในระบบเดิมมีความยากลำบากมากและวิธีนี้อาจจจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่า
การลงทุน ICO ในปีที่ผ่านมา มีสัดส่วนที่มากขึ้นเรื่อยๆจนต้นปีที่ผ่านมาสัดส่วนนั้นแทบจะเท่ากับระบบ VC แล้วซึ่งมี start up ที่มีความหลากหลายมากขึ้นเรื่อยๆ
ICO จะมีความยั่งยืนได้นั้นต้องมีการบริหารจัดการ
คนไม่ได้กลัวเพราะเทคโนโลยีแต่คนกลัวเพราะราคาที่ขึ้นลงเร็วเช่นเดียวกับ Cryptocurrency และ ICO ซึ่งผู้ที่มาระดมทุนคือ Start up ที่สัดส่วนปกติความสำเร็จของ Start up นั้นมีน้อยอยู่แล้ว ซึ่งมันยังมีปัญหาเรื่องการตรวจสอบที่ไม่มีใครมาตรวจสอบว่ามีการทำตาม Whitepaper ทำให้มีความเสี่ยงเรื่องการประเมินมูลค่าเทคโนโลยีและการเก็งกำไร ซึ่งมันควรจะมีกาบหริหารจัดการหากเราอยากให้ ICO สำเร็จในไทยเรื่องการตรวจสอบว่าธุรกิจมีรูปแบบยังไงใครเป็นผู้ก่อตั้งแม้แต่ว่าตัวโค้ดมีการทำงานอย่างที่กล่าวอ้างไว้มั้ยนั้นถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อลดความเสี่ยง แต่ไม่ได้เป็นเหตุผลที่เราจะต้องหลีกเลี่ยงมัน
สำคัญที่สุดคือความเสี่ยงด้านการทุจริตมันเป็นธุรกิจจริงหรือเปล่า ส่วนนี้เป็นความเสี่ยงที่ ที่ทำให้ถ้า ICO ในทุกวันนี้หากมันยังเป็นแบบนี้ ถ้านักลงทุนทั่วไปไม่สามารถมีความมั่นใจได้ในหลักสำคัญที่สุดก็คือจะถูกโกงมั้ย โอกาสที่มันจะเติมโตเป็นการระดมทุนหลักคงจะทำได้ยาก
และมันยังมีความเสี่ยงเช่นกำไรที่ได้จากการลงทุน ICO จะมีการเก็บภาษีหรือเปล่าก็ยังไม่มีการพูดถึงอย่างชัดเจน ความเสี่ยงมันจึงมากและจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการ
เวลามีเรื่องใหม่ๆที่เข้าใจยากบางทีจากสัญชาติญาณของเราอาจจะปฎิเสธ แต่ในกรณีของ ICO มันเป็นสิ่งที่มาแน่นอนแล้วเหลือแต่ว่าเราจะอยู่อย่างมันอย่างไรให้เราไม่เสี่ยงกับมันและตักตวงประโยชน์จากมันได้และผมอยากให้มันมีพัฒนาไปในทางที่สร้างสรรค์
ภาพจาก MThai.com
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น