ผู้จัดการกองทุนคริปโตชั้นนำ Panxora พยายามระดมเงินทุนกว่า 50 ล้านดอลลาร์เพื่อเข้าซื้อเหรียญคริปโตที่เกี่ยวข้องกับภาคการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
“สิ่งนี้มีศักยภาพในการปฏิวัติทางการเงินอย่างแท้จริง” นาย Gavin Smith CEO ของ Panxora กล่าวในระหว่างการให้สัมภาษณ์
โครงการ DeFi ซึ่งมักเรียกกันว่าโปรโตคอล ส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นบนเครือข่าย Ethereum blockchain และได้รับความนิยมอย่างมากในปีนี้ ผู้คนได้ให้ความสนใจไปกับ ” yield farming” การแลกเปลี่ยน , ซื้อขายสินทรัพย์คริปโตและการให้กู้ยืมเพื่อแสวงหาดอกเบี้ย , รางวัลเหรียญโทเค็นและผลกำไรที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว การฝากเหรียญ stablecoin ผ่านโครงการ Yearn.Finance สามารถให้ผลตอบแทนรายปีสูงถึง 20% ต่างจากบัญชีออมทรัพย์ของ JPMorgan Chase ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา ซึ่งให้ผลตอบแทนเพียงแค่ 0.01% เท่านั้น
มูลค่าเงินทุนที่ถูกล็อคอยู่ในโครงการ DeFi เพิ่มขึ้นไปเป็น 13,000 ล้านดอลลาร์เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา อ้างอิงตามข้อมูลของ DeFi Pulse ซึ่งคิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 20 เท่านับตั้งแต่ต้นปี
เว็ปเทรดคริปโตชั้นนำอย่างเช่น Binance และ Coinbase กลายเป็นตัวจุดฉนวนให้เกิดกระแสเงินสดอย่างรวดเร็ว หลังจากที่พวกเขาได้ทำการลิสต์เหรียญโทเค็น DeFi เป็นจำนวนมาก
แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาแนวโน้มของ Defi เริ่มชะลอตัวลดลงและมูลค่าหลักประกันทั้งหมดในแพลตฟอร์มได้ลดลงเหลือประมาณ 9.5 พันล้านดอลลาร์ และยิ่งร่วงลดลงไปอีกเมื่อเหรียญคริปโตเบอร์ 1 และ 2 ของโลกอย่าง Bitcoin และ Ethreum มีการปรับฐานราคาลดลง
นักวิเคราะห์ของ Messari เขียนในจดหมายข่าวรายวันขอเขาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า “บ่อนคาสิโนของ DeFi กำลังจะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว”
แต่ถึงกระนั้นนักวิเคราะห์กล่าวว่าระบบ DeFi มีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ในระยะยาว แม้ว่าจะมีความเสี่ยงในตลาดที่เพิ่งเกิดใหม่และโทเค็นดิจิทัลเหล่านั้นก็ใหม่มากซะจนอาจเป็นเรื่องยากหรือเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้มันมีมูลค่าอย่างแท้จริง
Chainlink หรือที่เรียกว่าเหรียญคริปโต blockchain “oracle” กลายเป็นสินทรัพย์คริปโตที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดในปีนี้และมีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าในปี 2020 และหลังจากนั้นก็ลดลงกว่า 45% ในเดือนนี้
กองทุนเฮดจ์ฟันจ์ของ Panxora มีกำหนดที่จะเริ่มซื้อขายกันในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งโดยปกติแล้วพวกเขามักจะซื้อเหรียญโทเค็นที่ถูกลิสต์อยู่ในเว็ปเทรดคริปโตแบบ Centralize มากกว่าที่จะซื้อเหรียญคริปโตจากเว็ปเทรดคริปโตแบบ Decentralize เหมือนที่นักเทรดส่วนใหญ่ทำกัน
นาย Smith ซึ่งเคยเป็นอดีตนักวิเคราะห์ราคาของ Trafigura บริษัทซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ของสิงคโปร์กล่าวว่า ส่วนใหญ่เป็นเพราะเว็ปเทรดแบบ Decentralize นั้นมีเพียงไม่กี่แห่งที่สามารถรับประกันได้ว่ามีการปฏิบัติตามกฎการต่อต้านการฟอกเงินอย่างเพียงพอและเนื่องจากการลิลต์เหรียญคริปโตบนเว็ปเทรดเหล่านี้ ในทางทฤษฎีมันยังมีนัยสำคัญบางประการที่ยังไม่ได้ถูกตรวจสอบอย่างแน่ชัด
“ดังนั้นเราจึงขอเสนอเป็นกองทุนป้องกันความเสี่ยงที่จะลงทุนในโปรโตคอลเหล่านี้” นาย Smith กล่าว
ที่มา : coindesk