Ripple นั้นกำลังพิจารณาย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่เอเชียหรือยุโรป ท่ามกลางปัญหาด้านกฎหมายที่ไม่ชัดเจนและเป็นมิตรในประเทศสหรัฐฯ
นาย Chris Larsen ได้ให้สัมภาษณ์กับนาย Jeff John Roberts จากนิตยสาร Fortune Magazine เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมาในงาน LA Blockchain Summit โดยเขากล่าวว่าปัจจุบันประเทศสหรัฐฯนั้นกำลังเชื่องช้าอย่างมากในการจัดเตียมเทคโนโลยีด้าน cryptocurrency เพื่อการเงินสำหรับโลกใหม่ นอกจากนี้กฎหมายที่เข้มงวดมากขึ้นในประเทศสหรัฐฯนั้นอาจทำให้ทาง Ripple ต้องพิจารณาออกจากประเทศไป
“การสื่อสารที่เราได้รับคือ blockchain และสกุลเงินดิจิทัลนั้นไม่ได้รับการต้อนรับในสหรัฐฯ” กล่าวโดยนาย Larsen “คุณต้องการที่จะอยู่ในธุรกิจนี้ ดังนั้นคุณจึงต้องหาที่ไปสักที่หนึ่ง เอาจริง ๆ เลยนะ พวกเรากำลังมองหาที่ ๆ จะย้ายสำนักงานใหญ่ไปอยู่ ซึ่งเป็นที่ ๆ มีความเป็นมิตรด้านกฎหมายมากกว่านี้”
นาย Larsen กล่าวว่าทางบริษัทกำลังพิจารณาย้ายสำนักงานใหญ่ไปยัง อังกฤษ, สวิตเซอร์แลนด์, สิงคโปร์, หรือญี่ปุ่น พร้อมเสริมว่า
“ผมไม่คิดว่าท่าที่ของ SEC ในวันนี้จะสามารถย่ำแย่ลงไปมากกว่านี้ได้ (สำหรับคริปโตหรือ blockchain) สิ่งที่พวกเขาทำก็คือ บดขยี้มัน และก็ผลักมันไปให้ไกล”
นาย Brad Garlinghouse หรือ CEO ของ Ripple กล่าวเสริมในทวิตเตอร์ว่า “ผู้เล่นที่มีความรับผิดชอบอย่าง Ripple นั้นไม่ต้องการที่จะทำผิดกฎหมาย พวกเราแค่ต้องการที่จะหาประเทศที่มีกฎหมายชัดเจน” เขากล่าว
ปัจจุบัน Ripple กำลังประสบปัญหาถูกฟ้องร้องโดยทาง SEC ในข้อหาที่พวกเขาขาย XRP โดยไม่ได้รับใบอนุญาตหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นทาง SEC ก็ไม่ได้ออกมากล่าวให้คำอธิบายใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวหลังจากนั้น ก่อนที่จะออก framework ด้านสินทรัพย์ดิจิทัลออกมาเมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา
ดังนั้นนั่นจึงทำให้ทาง Rpple จึงยังต้องต่อสู้ในชั้นศาลต่อไป ท่ามกลางความไม่ชัดเจนของข้อกฎหมาย โดยก่อนหน้านี้ทางศาลได้ปฏิเสธการยกฟ้องของ Ripple ที่ถูกยื่นโดยนาย Vladi Zakinov เมื่อปี 2018 เนื่องจากกล่าวว่า XRP นั้นถือเป็นเหรียญหลักทรัพย์ภายใต้กฎหมายแคลิฟอร์เนีย