CEO ของ Ripple นาย Brad Garlinghouse ได้ออกมากล่าวตอบโต้ความกังวลเกี่ยวกับเหรียญที่เขาและทีมพัฒนาขึ้นมาอย่าง XRP
โดยอ้างอิงจากการให้สัมภาษณ์กับสื่อ Bloomberg นั้น นาย Brad Garlinghouse ได้ออกมายอมรับว่าบริษัท Ripple ของเขานั้นมีพลังมากพอที่จะปั่นราคาของเหรียญ XRP ได้
“เมื่อหลายปีที่ผ่านมา พวกเราได้นำเหรียญ XRP จำนวนกว่า 90% ของ Ripple เข้าไปไว้ในบัญชี escrow ที่พวกเราไม่สามารถเข้าถึงได้ ดังนั้นนั่นคือหนึ่งในสิ่งที่ผมจะเรียกมันว่า FUD (ความกลัว, ความไม่แน่นอน และคำถาม) ซึ่งเป็นการที่ผู้คนเข้าไปทำในสิ่งนั้น ๆ โดยที่ไม่ได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในตลาดเลย
มันไม่มีความเสี่ยงเลย เพราะว่าระบบ escrow ของ Ripple นั้นถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้เราทำอะไรแย่ ๆ กับตลาดอยู่แล้ว และก็ตามที่ทุกคนเห็นกัน พวกเราไม่ได้มีความต้องการที่จะทำแบบนั้นอยู่แล้ว พวกเราเป็นผู้ถือเหรียญ XRP รายใหญ่ และพวกเราต้องการที่จะเห็นมันมีสภาพคล่องที่สูง และสามารถนำไปทำประโยชน์ได้หลายอย่าง พวกเราติดตั้งเหรียญ XRP เพื่อแก้ไขปัญหาการโอนเงินระหว่างประเทศ และพวกเราก็ทำมันได้อย่างประสบความสำเร็จ พวกเรามีลูกค้าหลายร้อยคนทั่วโลกที่ออกมาลงชื่อสมัครโดยใช้เหรียญ XRP เพื่อเป็นตัวกลางในการโอนเงินระหว่างประเทศ”
นาย Garlinghouse ยังกล่าวอีกด้วยว่า Ripple นั้นได้หยุดการขายเหรียญ XRP เพื่อแลกเป็นเงินสดบนเว็บกระดานเทรดแล้ว แต่จะขายเหรียญดังกล่าวเพื่อใช้ช่วยประมวลผลธุรกรรมระหว่างประเทศผ่านแพลทฟอร์มที่ชื่อว่า On-Demand Liquidity (ODL) แทน
“ในวันนี้ทาง Ripple ไม่ได้ขาย XRP ผ่านสิ่งที่เราเรียกว่าเป็น programmatic trading แล้ว พวกเราทำการขายมันโดยเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์และเพื่อประสบการณ์เท่านั้น”
นอกจากนี้นาย Garlinghouse ยังยืนยันอีกด้วยว่าทางบริษัทกำลังมองหาความเป็นไปได้ในการย้ายสำนักงานใหญ่จากสหรัฐฯ ออกไปประเทศอื่น ๆ เนื่องจากความไม่แน่นอนด้านกฎหมายเกี่ยวกับ crypto และ blockchain โดยเขาได้กล่าวว่ามีทั้งสวิตเซอร์แลนด์, อังกฤษ, UAE, สิงคโปร์ และญี่ปุ่น
“ญี่ปุ่นนี้ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีตลาดที่แข็งแกร่งที่สุด พวกเรานั้นมีการ partner ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากที่นั่นกับบริษัทที่ชื่อว่า SBI พวกเขาถือเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของพวกเรา และ CEO ของพวกเขานั้นก็เป็นนักสร้างนวัตกรรมและได้เป็นผู้บุกเบิกหลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านการเงินและฟินเท็ค
ญี่ปุ่นนั้นถือเป็นหนึ่งในตลาดที่พวกเรากำลังมองดูอยู่เพราะว่ามันมีความแน่นอน และผมคิดว่าก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นนั้นเคยนำทุกอย่างในช่วงปี 2017 มาแล้ว โดยเฉพาะในด้านการให้ความช่วยเหลือบริษัท อีกทั้งผู้ออกกฎหมายก็ยังทำความเข้าใจเกี่ยวกับเหรียญคริปโตอีกด้วย”