<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ญี่ปุ่นเตรียมเป็นผู้นำ Hub บริษัทด้าน Blockchain ของโลก หรือ Ripple อาจย้ายมาอยู่ด้วย?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในปี 2020 นั้น อุตสาหกรรมด้านคริปโตในญี่ปุ่นดูเหมือนจะได้เข้าสู่ช่วงแห่งการเติบโตแบบเต็มที่ หลังจากที่ทางญี่ปุ่นได้มีการออกกฎหมายใหม่ด้านคริปโตขึ้นในเดือนพฤษภาคมนั้น เว็บเทรดขนาดใหญ่ต่างเริ่มแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นในขณะที่พวกสตาร์ทอัพคริปโตรวมถึงธุรกิจที่ไม่ได้รับการกำกับดูแลโดยภาครัฐก็ต่างถอนตัวออกจากตลาดคริปโต แต่ ณ จุดนี้ก็ยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าใครคือผู้ชนะกันแน่ เพราะว่าในประเทศขนาดเล็กที่มีประชากรกว่า 1 ร้อยล้านคนนี้มีเว็บเทรดที่ได้รับการกำกับดูแลโดยภาครัฐก่อตั้งขึ้นแล้วถึง 25 ราย และเว็บเทรดระดับโลกนอกญี่ปุ่นก็เพิ่งได้เข้าไปในตลาดแห่งนี้ บางคนเชื่อว่าการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมครั้งสำคัญกำลังจะเกิดขึ้นด้วยการซื้อกิจการเว็บเทรดที่ได้รับใบอนุญาต และด้วยบรรยากาศอุตสาหกรรมที่ยังดูเหมือนจะอยู่ในช่วงขาขึ้นต่อไป พวกเราอาจจะเห็นจำนวนบริษัทด้านคริปโตเพิ่มขึ้นต่อไปที่ญี่ปุ่นในปี 2021

แต่มีคำถามหนึ่งที่เราต้องถามก็คือ: ตกลงทางอุตสาหกรรมจะต้องแสดงการเติบโตแบบเต็มที่ในตอนนี้เลยหรือ? อุตสาหกรรมคริปโตและบล็อกเชนทั้งหมดยังคงอยู่ในช่วงระยะแรกเริ่มเพราะว่า Bitcoin นั้นเพิ่งถูกสร้างขึ้นมา 12 ปีเท่านั้น ดังนั้นเราจะสามารถคาดการณ์พัฒนาการของอุตสาหกรรมในอนาคตและควบคุมกำกับมันได้จริงหรือเปล่า? ความชัดเจนด้านกฎระเบียบอาจเป็นข้อดี แต่การปล่อยให้พวกมันคลุมเครือต่อไป ในประเทศอย่างสหรัฐฯและจีน (ไม่ว่าจะทำโดยเจตนาหรือไม่) อาจเป็นแนวทางที่ถูกต้องในการที่จะทำให้ตัวอุตสาหกรรมมีการนวัตกรรมต่อไป

กฎหมายคริปโตที่ถูกแก้ไข

สมาชิกสภานิติบัญญัติของญี่ปุ่นได้แก้ไขกฎระเบียบด้านคริปโต ประกอบไปด้วย Payment Services Act และ Financial Instruments and Exchange Act ในวันที่ 1 พฤษภาคม กฎใหม่เหล่านี้มุ่งหมายที่จะแก้ไขช่องโหว่ที่ถูกพบหลังได้มีเหตุการณ์การแฮ็ก Coincheck และ Zaif ในปี 2018 และ BITPoint ในปี 2019 นอกจากนี้ ปัญหาเรื่องการฟอกเงินก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ทางหน่วยงานกำกับดูแลต้องการที่จะแก้ไข

ในขณะที่กฎระเบียบใหม่นี้หวังที่จะแสดงให้เห็นถึงการเติบโตเต็มที่ของอุตสาหกรรมในญี่ปุ่นและดึงดูดผู้เล่นระดับสถาบันเข้ามา แต่ผู้ให้บริการเก็บเหรียญคริปโตรวมถึงบริการ wallet บางรายมองว่านี่เป็นการสร้างกฎระเบียบมากเกินไป เพราะว่าต้นทุนในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ (compliance costs) เหล่านี้สูงมากๆ

ยกตัวอย่างเช่นเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียที่ใช้ระบบบล็อกเชนชื่อ Valu ได้ประกาศที่จะยุติการให้บริการเนื่องจากกฎระเบียบที่เข้มงวดสำหรับผู้ให้บริการเก็บเหรียญคริปโต ผู้ใช้ Valu สามารถเทรดเงินคริปโตอย่าง Bitcoin ได้บนแพลตฟอร์ม Valu ซึ่งก็แปลว่าทาง Valu จะต้องทำการเก็บดูแลเงินของผู้ใช้เหล่านี้ โดย Valu ได้แถลงว่า “ในเมื่อการให้บริการเก็บเหรียญคริปโตเป็นงานหลักของ Valu ถ้าหากเราไม่สามารถรักษามันได้ เราจำเป็นที่จะต้องทำการเปลี่ยนแผนบริหารจัดการครั้งใหญ่”

เว็บเทรดที่ไม่ได้รับการกำกับโดยภาครัฐ

กฎระเบียบใหม่มีผลต่อเว็บเทรดที่อยู่นอกประเทศญี่ปุ่น ในเดือนเมษายน BitMex ซึ่งเป็นหนึ่งในเว็บเทรดอนุพันธ์คริปโตระดับโลกและเป็นที่นิยมในญี่ปุ่นได้ประกาศที่จะยุติการให้บริการสำหรับผู้ที่อาศัยในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม เป็นต้นไป

ในเดือนตุลาคม Binance ซึ่งเป็นเว็บเทรดที่ไม่ได้ลงทะเบียนกับทางสำนักงาน Financial Services Agency (FSA) ของญี่ปุ่นได้ยุติความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ TaoTao ซึ่งเป็นเว็บเทรดที่จดทะเบียนในญี่ปุ่น

หรือว่าการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมกำลังจะเกิดขึ้นในปี 2021?

ในตอนนี้ การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเป็นหนึ่งในประเด็นร้อนแรงสำหรับแวดวงคริปโตในญี่ปุ่น เพราะว่าที่ญี่ปุ่นนั้นมีเว็บเทรดที่จะทะเบียนกับ FSA ของภาครัฐแล้วกว่า 25 ราย และบริษัทที่ดูเหมือนว่ากำลังจะไปไม่รอดนั้นมักถูกมองเป็นเป้าหมายในการควบกิจการ Tsuneyasu Takeda ซีอีโอของ Exchangers ซึ่งเป็นบริษัทที่มีเป้าหมายที่จะเป็น Amazon ของอุตสาหกรรมคริปโตบอกกับ Cointelegraph Japan ว่าเขากำลังเจรจากับเว็บเทรดที่มีใบอนุญาตบางแห่งเพื่อที่จะสร้างนพันธมิตรทางธุรกิจหรือไม่ก็ควบรวมกิจการ

นอกจากนี้ ยังมีเว็บเทรดระดับโลกที่ได้เข้ามาในตลาดญี่ปุ่น Kraken เพิ่งได้กลับเข้ามาในตลาดนี้ตอนเดือนกันยายน ส่วนทาง Coinbase ก็กำลังรับสมัครพนักงานสัญชาติญี่ปุ่นอยู่เรื่อยๆ การที่เว็บเทรดระดับโลกเข้ามาในตลาดที่มีการแข่งขันสูงอยู่แล้วนั้นมีโอกาสทำให้มีการคัดเลือกทางธรรมชาติในตลาดนี้ที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นในปี 2021

Ripple กำลังที่จะมาญี่ปุ่นหรือไม่?

แม้ว่าทางญี่ปุ่นจะมีกฎเกณฑ์ด้านคริปโตที่เคร่งครัดมาก แต่ความชัดเจนทางกฎเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่บริษัทคริปโต Ripple กำลังสรรหาอยู่ นาย Brad Garlinghouse ซีอีโอของ Ripple กล่าวว่าญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เขาพิจารณาถ้าหาก Ripple จะทำการย้ายสำนักงานใหญ่ไปยังประเทศใหม่

นาย Brad ได้วิจารณ์ถึงความไม่ชัดเจนด้านกฎระเบียบของสหรัฐฯว่า “เงินคริปโต” มีความหมายที่กว้างเกินไป:

“เงินคริปโตคือทรัพย์สิน เงินคริปโตคือสินค้า เงินคริปโตคือสกุลเงินจำลอง เงินคริปโตคือตราสารหนี้ ฯลฯ การกำกับดูแลควบคุมนั้นไม่ควรที่จะเป็นเกมเดาความหมาย”

นาย Brad ได้สรุปว่าการที่สหรัฐนั้นไร้ซึ่งกรอบกฎเกณฑ์ที่เป็นหนึ่งเดียวทำให้บริษัทที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯนั้นเสียเปรียบในด้านนวัตกรรม และถ้าหากทาง Ripple จะต้องย้ายไปประเทศเพื่อโอกาสในการแข่งขันที่แฟร์กว่า ทางบริษัทก็จำเป็นจะต้องทำเช่นนั้น

การขาดแคลนบริการใหม่ๆ 

ในช่วงที่วงการคริปโตนั้นมีประกฎการณ์ใหม่นั่นก็คือ DeFi (decentralized finance) ตอนปีนี้ ไม่มีเว็บเทรดจากญี่ปุ่นแห่งใดเลยที่ได้เปิดตัวบริการเกี่ยวกับ DeFi หรือเหรียญ Defi ในปี 2020 เลย

นอกจากเรื่อง DeFi แล้ว เว็บเทรดสัญชาติญี่ปุ่นแทบจะไม่ได้ขยายการให้บริการของตัวเองเลย และมีเพียง Coincheck ที่ได้เปิดตัวบริการด้าน staking ร่วมกับ Lisk ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา แม้เว็บเทรดในญี่ปุ่นได้ list เหรียญใหม่ในปี 2020 อย่าง Basic Attention Token (BAT) เพิ่ม แต่พวกเขายังคงมีตัวเลือกที่ยังอยู่ในวงจำกัด นักกฎหมายในวงการคริปโตสัญชาติญี่ปุ่นได้กล่าวกับสำนักข่าว Cointelegraph Japan ว่า “ผมรู้สึกว่าเว็บเทรดญี่ปุ่นไม่ได้ทำอะไรเลยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา”

นักลงทุนรายย่อย

เมื่อราคา Bitcoin ได้พุ่งสู่จุดสูงสุดที่เคยมีมา ทางนักลงทุนรายย่อยในประเทศญี่ปุ่นก็ค่อยๆ เริ่มกลับมายังตลาดคริปโตแล้ว แม้ว่ากระแสความนิยมในปีนี้จะไม่มากเท่ากับในช่วงปี 2017

ในช่วงปี 2017 เมื่อราคาของ Bitcoin ได้พุ่งสู่จุดสูงสุด ณ ตอนนั้น ทางเว็บเทรดสัญชาติญี่ปุ่นได้สร้างโฆษณาออกสื่อสถานีโทรทัศน์ระดับประเทศอย่างเต็มที่ ยกตัวอย่างทางเว็บเทรด Coincheck ที่ได้ร่วมทำโฆษณาให้ความรู้เกี่ยวกับเงินคริปโตกับนักแสดงตลกชื่อดังอย่าง Tetsuro Degawa ซึ่งโฆษณาชิ้นนี้เป็นที่ฮือฮาในช่วงนั้นเป็นอย่างยิ่ง และผู้ที่ทำการซื้อเหรียญคริปโตเพราะได้ดูโฆษณานั้นจะได้รับการขนานนามว่า “the Degawa group” (หรือ Degawa-gumi) นอกจากนี้ในเดือนมกราคม ปี 2018 มีวงไอดอลที่ใช้ธีมเกี่ยวกับเงินคริปโตชื่อว่า “Virtual Cureency Girsl” ได้ก่อตั้งขึ้น จะเห็นได้ว่าเงินคริปโตเป็นที่ฮือฮาในสังคมญี่ปุ่นมากในช่วงนั้น

แม้จะในปี 2020 ตลาดคริปโตได้กลับมาอยู่ในช่วงตลาดขาขึ้น แต่กลับไม่ได้เป็นที่ฮือฮานักเท่ากับในช่วง 2017 แต่ทางเว็บเทรดในญี่ปุ่นก็ได้บอกทาง Cointelegraph Japan ว่าทางตลาดกำลังที่จะค่อยๆ ได้รับความนิยมใหม่อยู่

ยกตัวอย่างเช่นทางเว็บเทรดอย่าง Bitbank และ BitFlyer ได้พบว่าตั้งแต่ช่วงพฤศจิกายน อัตราการเปิดบัญชีใหม่สำหรับเว็บพวกนี้เพิ่มขึ้น 3-4 เท่า

แต่ถึงอย่างไร ทางนักลงทุนสถาบันก็ยังลงทุนในตลาดคริปโตญี่ปุ่นเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ซึ่งถ้าหากตลาดคริปโตญี่ปุ่นเติบโตมากขึ้นในปี 2021 ก็อาจจะดึงดูดนักลงทุนสถาบันได้มากขึ้นในทีสุด