Bitcoin ปรับตัวกลับมายังแนวรับ $30,000 อีกครั้งหลังจากที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าประธานคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ นาย Jerome Powell จะยังคงนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ไว้ดังเดิม
โดยนาย Powell ยังได้กล่าวอีกว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับใกล้เคียง 0% จนกว่าสภาพเศรษฐกิจจะดีขึ้น หรือหมายความว่าจะต้องมีดัชนีอัตราการจ้างงานสูงสุด (Maximum Employment) และอัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่า 2%
ซึ่งหลังจากการรายงานดังกล่าวทำให้ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นทำราคาสูงสุดประจำวันที่ระดับ $31,800 ก่อนจะร่วงกลับลงมาโดยปัจจุบันมีราคาซื้อขายอยู่ที่ระดับ $31,200
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นถึง 0.53% และส่งผลให้ตลาดหุ้น S&P 500 และ Nasdaq ร่วงลง 2.6% ในขณะราคาทองคำร่วงลง 0.23%
แต่การคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากของนาย Powell นั้นส่งผลให้ผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลขนาด 10 ปี ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.01% ต่อปี ส่งผลให้นักลงทุนทั่วไปให้ความสนใจ Bitcoin มากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงพันธบัตรที่แม้จะมั่นคงแต่ให้ระยะผลตอบแทนต่ำมาก
นักวิเคราะห์ตลาดคริปโตนาย Josh Rager ยังได้เปิดเผยว่าสภาพราคา Bitcoin ในปัจจุบันยังคงอยู่ในช่วงของการปรับฐานราคาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสภาพปกติของราคา Bitcoin เช่นเดียวกับในปี 2017 ที่จะมีการปรับฐานราคานานนับเดือนก่อนจะสามารถพุ่งไปทำระดับราคาสูงสุดใหม่ได้
อย่างไรก็ตามนักลงทุนอีกจำนวนมากก็ยังคงกังวลต่อสถานการณ์ระดับราคาของ Bitcoin ที่อาจเป็นฟองสบู่พร้อมแตก หลังจากที่ราคาพุ่งขึ้นกว่า 10 เท่า ในระยะเวลาเพียงแค่ 10 เดือน
โดยธนาคาร Deutsche Bank ได้สำรวจสภาพตลาดการลงทุนมากว่า 600 แห่งในเดือนมกราคมที่ผ่านมา และได้ให้คะแนนฟองสบู่ Bitcoin อยู่ที่ระดับ 8.7 หรือกล่าวได้ว่าสภาพตลาดและราคาของ Bitcoin มีความเป็นฟองสบู่ที่สูงจนน่ากังวล
ท้ายที่สุดนี้ นาย Luke Gromen ผู้ก่อตั้งบริษัทวิจัยการลงทุน FFTT กล่าวว่าไม่ได้มีเพียงราคา Bitcoin ที่เป็นฟองสบู่พร้อมแตกเท่านั้น แต่ปัญหาหนี้สินของภาครัฐ ก็ใกล้ถึงจุดวิกฤตแล้วเช่นกัน
ที่มา: bitcoinist