กรรมาธิการ Hester Peirce ที่รู้จักกันในนาม ‘เจ้าแม่คริปโต’ ออกมาประณามการทำงานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ที่สั่งปรับเงิน Poloniex แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล เป็นมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์
โดยก.ล.ต. สหรัฐฯ ได้มีคำสั่งปรับเงินมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์ในวันที่ 9 สิงหาคม ด้วยข้อกล่าวหาว่า Poloniex ได้ดำเนินการซื้อขายสินทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน ในช่วงเวลาระหว่าง เดือนกรกฎาคม 2017 ถึงพฤศจิกายน 2019
ก.ล.ต. สหรัฐฯ ยืนยันว่าพนักงานของ Poloniex ระบุว่าพวกเขาตั้งใจหลีกเลี่ยงกฎระเบียบด้านหลักทรัพย์ เพื่อลิสต์รายการสินทรัพย์ดิจิทัลใหม่ ที่อาจเข้าข่ายว่าเป็นหลักทรัพย์ตามการการทดสอบ Howey Test เมื่อปี 1946 ซึ่งทาง Poloniex เลือกที่จะไม่ยอมรับและปฏิเสธกับข้อกล่าวหาดังกล่าว
ในวันเดียวกันนั้น Peirce ได้ออกมาประณามการกระทำของหน่วยงานกำกับดูแลผ่านการแถลงการณ์ต่อสาธารณะ โดยวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรอบการทำงานที่ไม่ชัดเจนที่บริษัทคริปโตจะต้องดำเนินการตามในสหรัฐฯ
โดยกรรมาธิการ Peirce ยังได้เน้นย้ำถึงกฎระเบียบของก.ล.ต. สหรัฐฯ ว่าล้มเหลวในการอธิบายเกี่ยวกับธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลให้ชัดเจน รวมถึงการตรวจสอบว่าสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์หรือไม่ และการดำเนินการสำหรับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนจำเป็นที่จะต้องมีใบอนุญาตและข้อยกเว้นอะไรบ้าง
“จากความล่าช้าในการพิจารณาว่าหน่วยงานที่ได้รับการควบคุมจะสามารถมีส่วนร่วมในคริปโตได้อย่างไร ผู้เข้าร่วมตลาดคงไม่แปลกใจกับการที่เห็นเราเข้ามาในพื้นที่ และบังคับใช้กฎหมายอย่างอุกอาจ พร้อมกับอ้างว่า Poloniex ไม่ได้มีการจดทะเบียน หรือดำเนินการภายใต้การยกเว้นอย่างที่มันควรจะเป็น”
Peirce กล่าวเสริมอีกว่า ถ้าหาก Poloniex พยายามจดทะเบียนเป็นตลาดหลักทรัพย์ หรือระบบการซื้อขายทางเลือก (ATS) กับก.ล.ต. สหรัฐฯ พวกเขาก็คงจะต้องใช้เวลาในการ “รอ รอ รอ และก็รอ”
Poloniex ถูกบริษัท Circle ผู้ออกเหรียญ USDC เข้าซื้อกิจการมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ในปี 2018 และเดือนตุลาคมของปีถัดมา Circle ก็ได้แยกตัวกับ Poloniex โดยขายมันให้กับกลุ่มนักลงทุน ซึ่ง Cointelegraph รายงานเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2019 ว่า Justin Sun ผู้ก่อตั้ง Tron (TRX) เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่เข้าซื้อกิจการดังกล่าว