นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชาวจีนรายนี้กำลังถอนหุ้น 20% ใน Shengjing Bank เพื่อชำระหนี้กว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ของ Evergrande ที่มีมูลค่าบริษัทกว่า 305 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้นักลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลต่างเป็นกังวลและเกิดการเทขายอย่างต่อเนื่อง
ชะตากรรมของ Evergrande ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ประสบปัญหายังคงไม่ชัดเจน เนื่องจากบริษัทประกาศแผนการขายหุ้นส่วนใหญ่ประมาณ 20% ในธนาคารเมืองเสิ่นหยาง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศให้กับธนาคารของรัฐ โดยมีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านหยวน (ประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์)
ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากภาระหนี้จำนวนมหาศาลของบริษัท ทำให้ดูเหมือนเส้นตายจะเริ่มต้นขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว การจ่ายดอกเบี้ยพันธบัตรมูลค่า 47.2 ล้านดอลลาร์ครั้งล่าสุดได้ผ่านไปแล้วในวันนี้แต่ดูเหมือนว่าจะครบกำหนดอีกครั้งในเดือนมีนาคม 2567 แม้ว่าผ่อนผันไปแล้วนานกว่า 30 วันแต่ดูเหมือนว่า Evergrande จะผิดนัดตามรายงานของ Bloomberg ทำให้ Fitch หน่วยงานจัดอันดับความน่าเชื่อถือได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือของ Evergrande ไปอีกระดับ
เงินทุนที่ได้จากการขายหุ้นใน Shengjing Bank จะไปชำระหนี้ของ Evergrande ให้กับธนาคารเอง ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของ Evergrande อย่างไรก็ตามวันนี้เป็นวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยของ Evergrande มูลค่ากว่า 3 แสนล้านดอลลาร์โดยอยู่ในรูปของพันธบัตรระหว่างประเทศ
“ปัญหาสภาพคล่องของบริษัทส่งผลกระทบในทางลบต่อธนาคาร Shengjing แม้ว่ารัฐวิสาหกิจจะช่วยให้การดำเนินงานของธนาคาร Shengjing มีเสถียรภาพ และในขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มและรักษาดอกเบี้ยคงไว้ที่อัตรา 14.75% ใน Shengjing Bank”
อย่างไรก็ตาม Shenyang Shengjing Finance Investment Group ซึ่งซื้อหุ้น Shengjing Bank ของ Evergrande อยู่ภายใต้แรงกดดันจากรัฐบาลจีนให้ซื้อสินทรัพย์จาก Evergrande ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในวงกว้างในการควบคุมผลกระทบจากการล้มละลายของบริษัท
ทั้งนี้ดูเหมือนว่า Evergrande จะสร้างผลกระทบเป็นอย่างมากต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งอาจรวมถึงตลาดคริปโทเคอร์เรนซี่ที่อยู่ระหว่างการเกิดข้อพิพาทกับประเทศจีนที่กำลังอยู่ในช่วงเข้มงวดกับการขุดคริปโต