11 ปีที่แล้ว เราได้เห็นการถือกำเนิดขึ้นของสิ่งที่มาเป็นสัญลักษณ์แห่งอนาคตของระบบการเงินในปัจจุบัน หรือที่เราส่วนใหญ่เรียกมันว่าทองคำดิจิทัลนั่นเอง
เอาสีทองออกไป เอาสีส้มมาแทน
หลังจากที่ Satoshi Nakamoto ได้แนะนำเครือข่าย Bitcoin ให้กับโลกใบนี้ ภารกิจขั้นต่อไปในตอนนั้นก็คือการออกแบบโลโก้ที่จะเป็นหน้าตาของเหรียญตัวนี้ โดยความพยายามครั้งแรกของเขาในการสร้างโลโก้ Bitcoin คือการแกะสลักอักษรย่อ BC บนเหรียญทองคำ ทว่าหนึ่งปีต่อมา กลุ่มชุนชนในฟอรัม bitcointalk ก็ได้เสนอให้แก้ไขโลโก้ให้คล้ายกับสัญลักษณ์สกุลเงินบาท ( ฿ ) สิ่งนี้ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์เนื่องจาก Bitcoin ไม่ต้องการแชร์สัญลักษณ์กับสกุลเงินที่มีอยู่แล้ว
การสร้างแบบจำลองโลโก้เป็นสกุลเงินบาททำให้เกิดสัญลักษณ์ใหม่ขึ้น แต่ผู้ใช้บางคนรู้สึกว่ามันน่าเบื่อเกินไปและหวังว่าจะมีสิ่งที่ดีกว่าเข้ามา ผู้ใช้รายหนึ่งกล่าวว่า “เราควรปล่อยให้มันพัฒนาอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนคำศัพท์ในทางธรรมชาติ และไม่ต้องกังวลกับมันมากนักในช่วงเริ่มต้นนี้”
ดังนั้นชุมชนจึงติดอยู่กับโลโก้นั้นจนกระทั่งบัญชีที่มีชื่อเล่นว่า Bitboy เข้ามาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2010 เขากล่าวว่า “สวัสดีครับ แวะมาทักทายและแบ่งปันภาพกราฟิกบางส่วนที่ผมทำไว้กับคุณ ลองดาวน์โหลดไปดูนะ”
เขาได้ทิ้งงานออกแบบสัญลักษณ์ B ที่ถูกดัดแปลงจากตัว B ที่ Satoshi เคยทำไว้ แต่ทำเป็นสีขาวตัดกับวงกลมสีส้มสดใส และตัว B เอียงไปทางขวาเล็กน้อย และเมื่อถูกโพสต์ในฟอรัมแล้ว โลโก้ดังกล่าวก็กลายเป็นที่นิยมทันที “เจ๋งมาก! มันเป็น โลโก้ Bitcoin ที่ดีที่สุดที่ผมเคยเห็นมาเลย” กล่าวโดยผู้ใช้ฟอรัมรายหนึ่ง พร้อมถูกเสริมโดยอีกรายว่า “ว้าว เยี่ยมมาก ทำได้ดีมากเพื่อน” โลโก้ของ Bitboy กลายเป็นไวรัล กลายเป็นหนึ่งในโลโก้ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก
ตรรกะเบื้องหลังมัน
การเปลี่ยนจากพื้นหลังสีทองเป็นสีส้มนั้นค่อนข้างน่าสนใจมาก โดยแนวคิดตอนแรกคือหาก Bitcoin เป็นทองคำดิจิทัล ที่เป็นตัว B ติดอยู่กับพื้นหลังสีทอง อาจดูเหมือนกับเป็นทองคำมากเกินไป นั่นจึงทำให้สีส้มถูกนำมาใช้แทน เนื่องจากความสวยงามของมันนั่นเอง
สีส้มนั้นมีความโดดเด่นกว่า และสามารถแยกแยะได้ง่ายทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์และบนเว็บไซต์ ตามที่มันถูกเรียกว่าเป็น ‘เหรียญ’ สิ่งนี้ทำให้มันเป็นวงกลมสีส้มเพื่อเลียนแบบเหรียญ และตัว B ก็เอียงทำมุมไปข้างหน้าที่สามารถสื่อได้ว่าหมายถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ตามที่ Phil Wilson ผู้เข้าร่วมในเครือข่ายช่วงแรกกล่าวว่า “มุมนี้แสดงถึงความก้าวหน้าของบล็อคเชนในอนาคตตลอดไป”
วิลสันยังอ้างว่ามาตราส่วนวงกลมสีส้ม 525% ถือเป็นการอ้างอิงถึงหนังสือ The Hitchhiker’s Guide To The Galaxy อีกด้วย
ที่มา zycrypto