<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ราคาบิทคอยจะพุ่งเสียดฟ้าหากมันกลายเป็นสกุลเงินโลกภายในปี 2020

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

การจับตาจ้องมองของรัฐบาลรอบๆโลกต่อบิทคอยและเทคโนโลยีบล็อกเชนทำให้เกิดคำถามขึ้นมามากมายจากหลายๆฝ่าย ถึงการกระทำที่ทำไปเพราะดูเหมือนกลัวเทคโนโลยีดังกล่าวของทางรัฐบาล

เมื่อไม่นานมานี้ ธนาคารกลางของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือ UAE ได้ออกมากลับคำพูดเกี่ยวกับเรื่อง “การห้ามใช้จ่ายต่างๆด้วย virtual currencies”

บิทคอยไม่ถูกแบน

ในเนื้อหาจากสำนักข่าว Gulf News ได้กล่าวถึงการแสดงจุดยืนที่แน่ชัดของรัฐบาล โดยมีนาย Muhamad Rashid Khamis Al Mansouri หรือผู้บริหารของธนาคารกลาง UAE ได้ออกมากล่าวว่า

“กฏหมายเหล่านี้ไม่ได้ครอบคลุม ‘virtual currency’ ที่ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นประเภทหนึ่งของรูปแบบของเงินดิจิตอลที่ใช้ในการแลกเปลี่ยน และเป็นรูปแบบในการเก็บในบัญชีออนไลน์ ในเนื้อความนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบิทคอยหรือ cryptocurrency อื่นๆที่มีตั้งอยู่บนเทคโนโลยี บล็อกเชน

ไม่ได้มีแค่ทาง UAE อย่างเดียวที่ทำแบบนี้ แต่ยังมีเคสคล้ายๆกันที่ไนจีเรีย กล่าวคือทางธนาคารกลางของไนจีเรียที่ออกมาประกาศเตือนไม่ให้ลงทุนในค่าเงินดิจิตอล แต่ก็กลับมาภายหลังโดยขอให้ทางธนาคารส่งตัวแทนมาช่วยกันร่างกฏหมายที่ว่าด้วยเรื่องการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในไนจีเรีย

ยังมีเหตุผลอีกหลายๆสาเหตุที่ส่งผลให้รัฐบาลเปลี่ยนทัศนคติไปมาต่อบิทคอยและเทคโนโลยีบล็อคเชน

ราคาบิทคอยจะพุ่งเฉียดฟ้า

นาย Michael Vogel หรือ CEO ของ Netcoins ได้เห็นความไม่เท่าเทียมกันในความเข้าใจเกี่ยวกับบิทคอยของผู้ออกกฏหมายว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักๆของการปรับเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อบิทคอยของรัฐบาล

“ถ้าหาก cryptocurrency ทุกตัวถูกแบน ถ้างั้นก็แปลว่าบริษัทต่างๆก็ถูกห้ามให้ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนด้วยเหมือนกันใช่หรือไม่” กล่าวโดยนาย Michael “ถ้าอย่างนั้น smart contract หรือสินทรัพย์ดิจิตอลที่เกี่ยวข้องกับบิทคอยล่ะ”

บางทีถ้าหากมองในมุมมองของรัฐบาล การแบนอาจจะง่ายกว่าการพยายามตั้งกฏหมาย หรือบางทีพวกเขาอาจจะรู้ว่าการแบนไม่ใช่ทางออก เพราะมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในการแบนหรือพยายามจำกัดบิทคอย

นาย Michael ได้แสดงให้เห็นว่ากฏหมายหรือการขาดการบังคับใช้กฏหมายอย่างถูกต้องกลายเป็นตัวเสริมในปัจจัยการขัดขวางไม่ให้ผู้คนหันมาหาบิทคอย เขาได้กล่าวว่ากฏหมายแนว “รอดูไปก่อน” ถือเป็นเรื่องดี เพราะการออกกฏหมายอย่างเคร่งครัดทันทีจะส่งผลให้นวัตกรรมใหม่ๆต้องหยุดชะลอตัว อย่างไรก็ตาม การขาดความแน่นอนทางกฏหมายอาจจะทำให้มันเป็นการยากสำหรับบริษัทหรือภาคธุรกิจทั่วไปที่จะใช้งานบิทคอย

“มันมีคำทำนายเกี่ยวกับบิทคอยว่าจะกลายเป็นสกุลเงินโลกภายในปี 2020 นี่อาจจะส่งผลให้ราคาบิทคอยพุ่งเฉียดฟ้า แต่ใครจะรู้อนาคตของราคาในปี 2020 ได้ล่ะ”

รัฐบาลกำลังกลัว

นาย Simon Dixon หรือ CEO ของ BnkToTheFuture.com ได้เปรียบเปรยการกระทำของรัฐบาลว่าเป็น “ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก”

เขาได้กล่าวว่าท่าทีในตอนแรกของรัฐบาลมักจะแสดงให้เห็นถึงความตื่นกลัวของพวกเขา และมักจะตอบสนองต่อสื่อและประชาชนแบบไม่คิด

เขายังอธิบายว่า สิ่งที่มักจะตามมาหลังจากนั้นคือทางธนาคารของรัฐบาลอยากจะศึกษาเทคโนโลยีบล็อกเชนเพิ่มเติม (จริงๆแล้วอยากจะศึกษาบิทคอย แต่เอาเทคโนโลยีบล็อกเชนมาบัง) ก่อนที่ทางธนาคารกลางของรัฐฯจะรู้ตัวว่าสกุลเงินดิจิตอลจะกลายเป็นตัวช่วยในการทำสงครามการเงินกับผู้ผลิตแบงก์ปลอม และในตอนจบ พวกเขาก็กลับกลอกไปมาว่าบิทคอยอาจจะเป็นบางสิ่งบางอย่างที่พวกเขาต้องยอมให้มีไปก่อน เพื่อที่จะได้ไปถึงเปาหมายในการสร้างเหรียญใหม่ในเวอชั่นของพวกเขาเองที่ย่ำแย่กว่าบิทคอย เพื่อเอามาใช้พยุงธนาคารของพวกเขาภายใต้คำว่าบล็อกเชน

อย่างไรก็ตาม นาย Simon ได้กล่าวว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ตอนนี้เทรนด์บล็อกเชนแบบปลอมๆอย่างนี้กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก

“มันเป็นเกมที่ดูแล้วสนุกดี ตอนแรกมันเกิดขึ้นในสหรัฐฯ แล้วก็ต่อด้วยจีน จากนั้นก็แอฟฟริกา เสร็จแล้วก็ตะวันออกกลาง”

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น