ด้วยกระแสความสนใจใน ICO ที่จัดขึ้นบน Ethereum Blockchain นักเทรดและนักลงทุนต่างมีแนวคิดที่ต่างกันเกี่ยวกับการเรี่ยไรเงินระดับใหญ่แบบนี้ บางคนเชื่อว่า ICO จะเพิ่มปริมาณความต้องการของเหรียญที่ใช้ในการซื้อ token ในขณะที่บางคนก็เชื่อว่ากระแสนิยมนี้ถูกขับเคลื่อนโดยความโลภของคน เมื่อถึงเวลาที่ฟองสบู่มันแตก ใครที่ถอนตัวออกมาช้า จะเสียหายได้ ในบทความนี้เราจะวิเคราะห์มุมมองทั้งสองนี่เพื่อหาคำตอบถึงผลกระทบที่ ICO ได้สร้างไว้กับ cryptocurrency
ICO กระตุ้นให้เกิดกำลังซื้อในตลาด
ICO เริ่มเป็นที่นิยมในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และเราก็เริ่มสังเกตเห็นว่า ราคาของ Ethereum เริ่มสูงขึ้นจนไปถึง $420 เมื่อเหล่าสายเทรดต้องการหาคำตอบว่าทำไมราคาถึงเพิ่มมาขนาดนี้ และคำตอบที่พวกเขาเลือกคือ ICO ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเพิ่มขึ้นของ demand ในช่วงนี้ ซึ่ง ICO แทบจะทั้งหมด ใช้ Smart Contract ของ Ethereum ในการแจกจ่าย token
เพื่อที่จะคาดการณ์ถึงผลกระทบที่ ICO จะทำให้เกิดขึ้น เรามาวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นกับ token ที่ถูกจ่ายออกมากันก่อนดีกว่า เริ่มจาก
- ICO เรี่ยไรเงิน
- Token ถูกแจกจ่ายให้นักลงทุน
- Token เริ่มถูกเทรดในกระดานแลกเปลี่ยน หรือ ถูกนำไปใช้แลกกับบริหารของโปรเจ็คนั้น
นั่นคือภาพรวมง่ายๆของเบื้องหลังการทำงานของ ICO นักลงทุนจะรอสร้างกำไรเมื่อ token ก้าวไปอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายที่สามารถซื้อขายกันได้ในตลาด นี่คือจุดที่ token มีมูลค่า และคนจะแห่ขาย token เพื่อให้ได้เป็นเงิน หรือนำ token นี้ไปใช้บริการของโปรเจ็คนั้นๆในแบบพิเศษ แล้วทั้งสามขั้นตอนข้างต้นส่งผลยังไงกับสกุลเงินดิจิตอลที่ถูกเรี่ยไร?
สมมติว่า ICO นี้ใช้ Ethereum ในช่วงแรกของ ICO นักลงทุนจะต้องหา Ethereum มาใช้ซื้อ token สิ่งนี้ทำให้เกิดกำลังซื้อที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ราคาสูงขึ้น ในช่วงที่เกิดการแจก token ให้ผู้ที่ลงเงินซื้อไว้ ช่วงนี้คือการเฝ้ารอและถือไว้ของนักลงทุน เมื่อ token ไปถึงกระดานเทรดเมื่อไร และนักลงทุนเริ่มขาย token คืน นั่นคือช่วงเวลาแห่งการกอบโกยกำไร เนื่องจากไม่มีกฎเกณฑ์อะไรมารองรับการทำ ICO กระดานเทรดจึงจะทำการแลกเปลี่ยน token พวกนี้เป็นสกุลเงินที่ใช้ซื้อมันมาในกรณีนี้ คือ Ethereum
แต่ต้องอย่าลืมว่า เมื่อนักลงทุนขาย token ทิ้ง สิ่งที่พวกเขาได้รับกลับมาคือ ETH สำหรับคนที่เล่น ETH อยู่แล้วเขาคงไม่เอาเหรียญพวกนี้ไปขายต่อเพื่อให้ได้เป็น BTC หรือเงิน สรุปคือถ้าเราวิเคราะห์จากเหตุผลทั้งหมดที่เรากล่าวมา ICO ผลักดันให้ราคา ETH สูงขึ้นโดยมีที่มามาจากคนที่ต้องการลงทุนใน ICO แล้วยังไม่มี ETH แล้วต้องการจะมาร่วมใน ICO ด้วย และเมื่อพวกเขาได้ token จากการแลกมาด้วย ETH แล้วพวกเขาก็จะรอขาย token ในราคาที่สูงขึ้นเพื่อให้ได้ ETH กลับมาอีกครั้งแทนที่จะได้เป็นเงินจริงๆ
ICO ที่ล้มเหลว จะทำลายวงการนี้
ตราบใดที่ ICO ที่ผ่านไปนั้นยังถูกกฎหมาย และโปรเจ็คนั้นสำเร็จ ทุกอย่างก็จะราบรื่น แต่ถ้ามีโปรเจ็คไหนล่มขึ้นมา หรือมีการนำเงินที่ได้จาก ICO ไปใช้อย่างมิชอบ เราอาจจะเห็นราคาของ ETH ที่ตกลงอย่างรวดเร็ว
ยกตัวอย่างเช่นกรณีของ สมาคม DAO ที่ริเริ่ม Ethereum ซึ่งทำให้ ETH มีราคาก่อนจะโดนแฮ็คที่ $21 หลังจากที่ระบยถูกเจาะได้ กลุ่มผู้ใช้งานถึงกับต้องตกใจในราคาที่ตกลงไปกว่า 25% ที่ $15 และถ้าเทรนด์การเรียกเงินหลายล้านเพื่อโปรเจ็คหน้าใหม่ยังดำเนินต่อไป คงไม่นาน เรื่องน่ากลัวอาจจะเกิดขึ้น และนักลงทุนจะเริ่มถอนตัว ถึงแม้ ICO ที่สำเร็จ 100 อัน จะเป็นกำลังผลักดันของราคา แต่ ICO ที่ล้มเหลวแค่อันเดียวก็พาทั้งหมดล่มได้
นอกเหนือจากนี้ เมื่อ ICO พวกนี้ฮิตมากๆ เวลามีโปรเจ็คดังๆที่คนสนใจเยอะเปิด ICO ช่วงนั้นเครือข่ายของ Ethereum จะเต็มไปด้วยผู้ใช้งานมากมายจนอาจทำให้ระบบเกือบล่มได้ ICO อย่างเช่น Status, Bancor หรือ SONM เป็นตัวอย่างของการ ICO ที่ทำให้ Blockchain ของ Ethereum แทบจะใช้งานไม่ได้
การแก้ปัญหาการขยายตัวในการใช้งานของ Ethereum เป็นสิ่งที่สำคัญมากเพื่อให้ระบบทุกอย่างอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานได้ทุกเวลา และเพื่อให้ราคานั้นคงตัวไม่ตกลงไป อีกข้อหนึ่งคือการสร้างมาตรการป้อง ICO ที่หลอกลวงผู้บริโภคที่จะสร้างชื่อเสียให้กับ cryptocurrency
แล้วคุณล่ะ คิดว่า Ethereum ได้ประโยชน์จากช่วงฮิต ICO นี้หรือไม่? หรือคุณคิดว่าทุกอย่างจะพังพินาศลงมาในพริบตา?
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น