นาย Marek “Slush” Palatinus หรือ CEO ของ Trezor และรวมถึงบริษัทแม่อย่าง Satoshi Labs ได้กล่าวว่าเขาคือผู้เริ่มต้นสร้าง Slush Pool หรือ pool ขุด Bitcoin ที่เก่าแก่ที่สุดของเครือข่าย Bitcoin ที่ ณ ตอนเริ่มต้นมีเครื่อง virtual machine ที่เช่ามาด้วราคาแค่ 45 ดอลลาร์ต่อเดือน ทว่าในวันนี้ Slush Pool รวมถึง Satoshi Labs และ Trezor ได้เปลี่ยนตัวเองมาเป็นธุรกิจขนาดหลายล้านดอลลาร์ที่มีรายได้ที่มั่นคงและสูงมาก
“ผมเริ่มสร้าง Slush Pool ด้วยเงินเพียงแค่ 45 ดอลลาร์บนระบบ virtual machine เมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว และสร้างบริษัทสตาร์ทอัพระดับหลายล้านดอลลาร์ต่อเลยหลังจากนั้น อาจกล่าวได้ว่ามันอาจจะทำไม่ได้แล้วในตอนนี้”
กล่าวโดย Slush
เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ เม็ดเงินราวๆหลายพันล้านดอลลาร์ถูกนำมาลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพด้าน Bitcoin และ Blockchain โดยนักลงทุน venture capital, นักลงทุน angel, กลุ่มบริษัทด้านเทคโนโลยี และสถาบันด้านการเงิน บริษัทบางบริษัทอย่างเช่น Coinbase, Gemini, Bitfinex และ Blockchain ได้กลายเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยเฉพาะ Coinbase ที่เป็นบริษัทสตาร์ทอัพ unicorn แห่งวงการ Bitcoin ที่ได้รับเงินระดมทุนไปราวๆ 100 ล้านดอลลาร์ไปล่าสุด ที่เพิ่มมูลค่าของตลาดไปถึง 1.6 พันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ก็มีบริษัทด้านนวัตกรรมหลายๆบริษัทอย่างเช่น ChangeTip และ Lawnmower ที่ล้มเหลวในการหาฐานลูกค้ามาใช้บริการ, หารายได้เข้าบริษัทและหานักลงทุนเข้ามาลงทุน ซึ่งส่งผลให้ ChangeTip ในภายหลังถูกซื้อและจ้างโดยบริษัทหลายพันล้านอย่าง AirBNB และรวมถึง Lawnmower ที่ก่อนหน้านี้เคยให้บริการทางด้านการเก็บสะสมเงินและเปลี่ยนมาเป็น Bitcoin ก็ถึงกับต้องรีแบรนด์ตัวเองใหม่
ซึ่ง Lawnmower ในขณะนี้ได้กลายเป็นผู้ให้บริการด้านเครื่องมือที่ช่วยในการจัดสรร portfolio สำหรับเทรด cryptocurrency โดยจะเจาะกลุ่มเป้าหมายนักเทรดมืออาชีพและผู้จัดการ portfolio ที่กำลังมองหาสินทรัพย์ใหม่ๆเพื่อลงทุนอย่าง Bitcoin และ Ethereum
ดังนั้น แม้ว่าอัตราการโตของ Bitcoin และเหรียญ cryptocurrency อื่นๆที่สูงมากๆนั้น มันก็ยังเป็นเรื่องยากสำหรับบริษัทอย่าง Trezor, Slush Pool และ Satoshi Labs ที่จะประสบความสำเร็จในวงการ Bitcoin ได้ในช่วงแรกๆ แต่พวกเขาก็ฝ่าฟันมันมาได้จนกลายมาเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด อย่างเช่น Trezor ที่มีฐานลูกค้าที่ความต้องการในตัวกระเป๋าอย่างล้นหลามเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้บริษัทนั้นไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้ทันท่วงที
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้ ทางทีม Trezor ได้ออกมาประกาศว่า
“ทาง Satoshi Labs เรารู้สึกผิดและอยากจะบอกคุณว่าเนื่องจากความต้องการในตัวของ Bitcoin ที่สูงมากเกินความคาดเดาของพวกเราไว้ตั้งแต่ตอนต้น ทำให้ผลิตภัณฑ์กระเป๋า Trezor ในโกดังของเราหมดแล้ว ทางเราต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ถึงการคาดการณ์ที่ผิด ซึ่งในตอนนี้ทางเราได้ทำการแก้ไขแผนการผลิตเรียบร้อยแล้ว และทางเราสัญญาว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคตแน่นอน”
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
สิ่งหนึ่งที่ทาง Satoshi Labs และ Slush Pools ได้เรียนรู้มาตั้งแต่ปี 2013 นั้นคือมันเป็นเรื่องยากที่จะสร้างบริษัทในวงการ Bitcoin และ cryptocurrency ได้หากไม่มีเงินทุนและทรัพยากรที่เพียงพอ ในขณะที่บริษัทอย่าง Coinbase และ Blockchain กำลังขยายธุรกิจไปทั่วโลกด้วยเงินทุนระดับหลายร้อยล้านดอลลาร์
สำหรับในมุมมองของนักลงทุนนั้น เนื้อหาที่กล่าวมาข้างต้นอาจจะถือเป็นเรื่องดี เนื่องจากว่าปัจจุบันวงการบริษัทเกี่ยวกับ Bitcoin และ Blockchain ได้เติบโตขึ้นมากในช่วงหลายๆปีที่ผ่านมานี้
แล้วในประเทศไทยล่ะ
สำหรับตลาดในประเทศไทยนั้น แม้ว่าจะยังคลุมเครือมาตั้งแต่ปี 2014 แต่อัตราการเติบโตของบริษัทในสาย Bitcoin และ cryptocurrency ก็เริ่มที่จะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเราได้เห็นบริษัทที่มาก่อนใครเพื่อนอย่าง Bitcoin Thailand หรือ Bx และตามมาด้วย Coins.co.th และหลังจากนั้นก็เริ่มมีอัตราการบูมมากขึ้นในปี 2017 นี้ ซึ่งทำให้มีบริษัทใหม่ๆอย่าง Coinbx และ TH Miner เกิดขึ้นมาเช่นกัน
ซึ่งสำหรับในประเทศไทยแล้ว อาจกล่าวได้ว่าตลาดสำหรับริษัทในวงการนี้อาจจะถือว่ายังใหม่มาก และยังไม่มีคนออกมาจับจองธุรกิจและให้บริการทางด้าน niche ต่างๆไม่ว่าจะเป็นบริษัทผู้ให้บริการกระเป๋า cryptocurrency ฝีมือคนไทยและ บริษัทผู้ให้บริการ pool ขุดฝีมือคนไทย
ทว่าความเร็วและ momentum ในโลกของ cryptocurrency นั้นมีความเร็วและเชี่ยวกราก ในอีกไม่นานนี้เราอาจจะได้เห็นบริษัทใหม่ๆฝีมือคนไทยมาเปิดและให้บริการทางด้านดังกล่าวนี้ และชิงความได้เปรียบในการเป็น “เบอร์ 1” ดั่งคำกล่าวที่ว่า “น้ำขึ้นให้รีบตัก” และ “ใครมาก่อนได้ก่อน” อย่างแน่นอน
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น