อ้างอิงจากรายงานของสำนักข่าว VOICE TV21 นั้น ดูเหมือนว่าผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือ ดร.วิรไท สันติประภพ ได้ออกมาชี้ให้เห็นว่าในปัจจุบันคนไทยนั้นเริ่มมีการปรับตัวใช้สกุลเงินดิจิตอลกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบ QR Code และระบบพร้อมเพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยระบบดังกล่าวทั้งสองระบบนี้ต่างก็ถือเป็นแผนการในการผลักดันของรัฐบาลในการให้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมไร้เงินสด แต่ทว่าภายใต้ความนิยมนั้น เขายังได้ออกมาเตือนถึงเรื่องของความเสี่ยงในด้านการลงทุนเงินสกุลดิจิตอลด้วย
“ผู้ว่า ธปท.ยังแสดงความเป็นห่วงเรื่องที่ปีที่ผ่านมาเกิดกระแสความนิยมในการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ว่าผู้ที่จะลงทุนควรระมัดระวังและศึกษาข้อมูล รายละเอียดให้รอบคอบก่อนลงทุนในเงินสกุลดิจิทัล เพราะสกุลเงินดิจิทัล ไม่ใช่เงินที่สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายไทย และในปัจจุบันยังไม่มีประเทศใดยอมรับหรือรับรองว่าเงินสกุลดิจิทัลเป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย”
รายงานโดย VOICE TV21
อัตราฉ้อโกงที่สูงขึ้น
ก่อนหน้านี้สยามบล็อกเชนเคยรายงานว่าทางเจ้าของ Bx ได้เข้าพบตำรวจ DSI เพื่อให้ข้อมูลด้านการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมการฉ้อโกงเงินในประเทศไทยอีกด้วย
รวมถึงก่อนหน้านี้อัตราการฉ้อโกงเงินดิจิตอลผ่าน ICO และ Ethereum ด้วยการ phishing นั้นก็มีอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยปกติแล้วเกิดขึ้นจากการที่เหยื่อนั้นพลาดที่จะสังเกตให้ดีก่อนใช้งานระบบ และมักจะถูกหลอกล่อด้วยการส่งลิงค์ปลอมให้ใส่รหัส และขโมย password ไปได้ในที่สุดนั่นเอง
ไม่มีกฎหมายรองรับ แต่ก็ไม่ผิดกฎหมาย
ด้วยความที่สกุลเงินดิจิตอลนั้นยังคงอยู่ในพื้นที่สีเทาๆในประเทศไทย ที่อาจกล่าวได้ว่ายังไม่สามารถมีกฎหมายเข้ามาควบคุมผู้ใช้งานได้อย่างจริงจังนั้น ส่งผลให้อิสระในด้านการใช้งานเหรียญดังกล่าวยังเกินเลยขอบเขตและความสามารถที่ทางผู้ออกกฎหมายจะดูแลได้ ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาทำได้ก็แค่เฝ้าดูอยู่ห่าง
ทว่าก่อนหน้านี้ทางธนาคารแห่งประเทศไทยก็เคยออกมาประกาศเมื่อช่วงเดือนมิถุนายนว่าจะทำการศึกษา Bitcoin อีกทั้งยังมีแนวคิดที่แสดงความเป็นห่วงแบบเดิมไม่เคยเปลี่ยน โดยพวกเขากล่าวในตอนนั้นว่า
“คนที่จะใช้สกุลเงินนี้ต้องรู้ว่ามีความเสี่ยงอะไรที่จะเกิดขึ้นบ้าง”
อีกด้วย
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
ภาพจาก Stock2morrow
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น