เงินดิจิตอลนั้นเป็นนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงโลกในด้านความปลอดภัย มูลค่า และการเข้าถึงได้อย่างแท้จริง นับตั้งแต่ Bitcoin เปิดตัวในปี 2009 ประชากรส่วนใหญ่บนโลกนี้ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงเงินดิจิตอลดังกล่าวได้อย่างกว้างขวางเนื่องมาจากความ ยากต่อการเข้าใจสำหรับหลายๆคน ไม่ว่าจะเรื่อง private key public key และการใช้งาน ซึ่ง Avesta นั้นจะมาทำให้เรื่องเหล่านี้ง่ายขึ้น
Avesta คืออะไร
Avesta เป็นสกุลเงินดิจิตอลที่อยู่บน Blockchain และรูปแบบเบ็จเสร็จในระบบเดียวโดยมีระบบที่มีพื้นฐานมาจาก Bytecoin ทำให้มันมีความสามารถของเงินดิจิตอลทั่วไปอย่างครบถ้วนไม่ว่าจะโอนเงินทำธุรกรรมการขุดและการป้องกันเรื่อง double spending และ smart contract ซึ่งจุดประสงค์แก้ไขปัญหาการใช้งานที่ยากโดยทำให้มันใช้งานง่ายต่อทุกคนโดยมีหลักการดังนี้ ซึ่งโปรเจ็คดังกล่าวยังมีหนึ่งในทีมงานของนักพัฒนาที่เป็นชาวไทยอยู่ด้วย
การใช้เลขที่บัญชีแทนที่อยู่
Avesta จะใช้เลขบัญชีแทนที่อยู่เหมือนเบอร์โทรศัพท์หรือเลขบัญชีธนาคารทำให้ผู้คนสามารถทำธุรกรรมได้อย่างง่ายขึ้นเหมือนการใช้สมุดบัญชีโทรศัพท์
Avesta Coin
โทเคนของ Avesta จะมีจำนวนทั้งหมด 200,000,000 เหรียญ ซึ่งจะสามารถถูกขุดออกมาโดยมี mining period เป็นเวลา 33 ปี และมีหลักการ having คล้ายกับของ Bitcoin ทำให้มันไม่เกิดสภาวะเงินเฟ้อ โดยมูลค่าของ Avesta Coin หลักๆจะมาจากการพัฒนาตาม Roadmap และการถูกยอบรับให้นำไปจับจ่ายซื้อสินค้าต่างๆ
Api สำหรับผู้พัฒนา
Avesta นั้นมี api ให้นักพัฒนาในการพัฒนาระบบ Blockchain ของ Avesta เข้ากับแอปพลิเคชั่นหรือหน้าเวปไซต์ต่างๆ เช่นระบบ micro payment และ point of sale
การรับช่วง
หนึ่งในคุณสมบัติที่น่าสนใจของ Avesta คือผู้ใช้งานสามารถใส่ชื่อผู้รับช่วงต่อได้เปรียบดั่งพินัยกรรมว่าหากเจ้าของบัญชีนั้นเสียชีวิต โทเคนจะถูกส่งไปให้ผู้รับช่วงโดยระบบ smart contract แต่หากถ้าเจ้าของบัญชีไม่ระบุผู้รับช่วงต่อไว้ มันจะถูกส่งกลับไปยัง Blockchain และกลายเป็นรางวัลให้แก่นักขุดต่างๆ ซึ่งตรงนี้สร้างมาแก้ปัญหาเรื่อง supply ในระบบของ Bitcoin ที่ Bitcoin นั้นระบบจะเป็น supply ที่หายไปหากไม่ได้มีการส่งต่อให้ผู้อื่นหลังจากผู้ถือ private key เสียชีวิต
การขุด
โดยอ้างอิงจากทีมงานของ Avesta พวกเขาเคลมว่าบล็อคธุรกรรมของเหรียญดังกล่าวรวดเร็วกว่าของ Bitcoin ถึง 60 เท่า ทำให้การโอนเงินเป็นไปด้วยความรวดเร็ว โดยการขุดสามารถทำได้แทบทุกอุปกรณ์ไม่ว่าจะโทรทัศน์ โทรศัพท์หรือแท็บเล็ต โดยใช้รูปแบบอัลกอริทึ่มที่ผสมระหว่าง Cryptonight และ sha-256
การเปรียบเทียบ
โดยอ้างอิงจาก spec sheet ด้านล่างนั้น Avesta นั้นมีข้อเด่นที่มากกว่าในเรื่องการรับช่วงเหรียญหมายเลขบัญชีรวมถึงความเร็วในการยืนยันธุรกรรม
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
Roadmap
Road map ของ Avesta นั้นหลังจากระดมทุน ICO จบแล้วจะพัฒนาในส่วนของ Wallet Platform และการ mining โดยส่วนที่น่าสนใจนั้นคือการทำระบบ E-payment ควบคู่กับ Smart contract และการทำ Debit card ซึ่งหากไปถึงจุดนั้นโปรเจคจะน่าสนใจมาก
ICO
ราคา ICO จะเริ่มที่ 0.16 ยูโรหรือ 6.5 บาทเละจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไปตามระดับชั้นจนถึง 0.27 ยูโรหรือ 10.4 บาท โดยคนที่ลงทุนก่อนจะได้ราคาที่ค่อนข้างต่ำ โดยเงินที่ระดมทุกได้จะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาและการตลาดใน 3-5 ปี โดยจะเปิดขายในวันที่ 12 พฤศจิกายนโดยมี soft cap อยู่ที่ 10000 Eth และ Hard cap อยู่ที่ 63,800 ETH
ทีมพัฒนา
Avesta ประกอบไปด้วยทีมงานคุณภาพมากมาย จากหลากหลายเชื้อชาติ แต่ละคนก็มี background และ profile ที่ต่างออกไป บ้างก็เป็น Developer บ้างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินแต่ที่น่าสนใจคือในโปรเจคนี้มีคนไทยร่วมเป็นผู้พัฒนาอยู่ด้วยโดยอยู่ในตำแหน่ง mining specialist นั้นคือคุณ Kongpop ที่มีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับ mining hardware อ้างอิงจากเว็บไซต์ของ Avesta
Partner
โดยอ้างอิงจากเว็บไซต์ของพวกเขา ทาง Avesta เคลมว่าพวกเขาเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัท HIS, Festina Group, Bitcause ทว่าก็ต้องดูกันต่อไปว่าลักษณะการร่วมมือของพวกเขาทั้งสองจะเป็นอย่างไร
สรุป
โดยส่วนตัวของผู้เขียนนั้น คาดว่า Avesta จะสร้างเงินดิจิตอลที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้มากขึ้นและพยายามแก้ไขปัญหาเดิมที่เกิดขึ้นในระบบเงินดิจิตอลเดิมไม่ว่าจะความเร็วในการโอนหรือว่า Blocktime และยังรวมถึงเลขบัญชีและรูปแบบพินัยกรรมซึ่งมันค่อนข้างเป็นแนวทางที่ใหม่สำหรับเงินดิจิตอลรูปแบบเดิมๆที่ supply จะเสียไปหากผู้ใช้งานถึงแก่กรรมและไม่ได้วางแผนมอบเงินตรงนั้นให้กับใคร
สำหรับมูลค่าและโมเดลธุรกิจนั้นน่าจะมาตอบโจทย์ในเรื่องการใช้งานในรูปแบบ สื่อที่ใช้ในการทำธุรกรรมต่างๆไม่ว่าจะ Payment gateway หรือ Debit card ซึ่งมันเป็นโปรเจคที่ค่อนข้างใหญ่
สำหรับผู้ที่สนใจในโปรเจ็คดังกล่าวสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์หลักของที่ https://avesta.io/
หมายเหตุ: การลงทุนในตัวเหรียญคริปโตเคอเรนซีมีความเสี่ยงสูงมาก ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนทำการตัดสินใจลงทุน ทางสยามบล็อกเชนจะไม่รับผิดชอบในความสูญเสียในทุกกรณี
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น