เมื่อวันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้มีการจัดอบรมที่ชื่อว่า “Blockchain for Developers” ที่จัดโดยบริษัท Codecamp ซึ่งเป็นบริษัทที่คอยจัดอีเวนท์ให้ความรู้เชิงเทคนิคและการเขียนโปรแกรม ซึ่งในครั้งนี้ก็ได้วิทยากรเป็น คุณต๊อบ ทศพร บรรเจิดกิจ CTO บริษัท Digithun ที่เป็นบริษัท Start-up ด้าน Content Platform ซึ่งบางท่านอาจจะรู้จักคุณต๊อบในนาม @katopz ถ้าเคยได้ติดตามผลงานผ่าน Blog และ Medium ของเขา ในงานอบรมนี้คุณต๊อบได้ไปทำการศึกษาเกี่ยวกับ Blockchain Development โดยเน้นไปที่ Ethereum Ecosystem ที่เขานั้นได้ทำการลองผิดลองถูกมาร่วม 2 เดือน และได้นำความรู้เหล่านั้นมาสอนให้จบได้ภายในเวลา 2 ชั่วโมงโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
Browser Mining Benchmark
ในช่วงเริ่มต้น คุณต๊อบได้มีการหยิบเอาตัว Browser Mining Benchmark ซึ่งเป็นการนำ Coinhive ที่เป็นโค้ดที่ฝังตามเว็บต่างๆเพื่อยืมแรง CPU ของผู้ใช้งานมาช่วยขุด Monero คุณต๊อบนำมาสร้างเป็นเว็บไซต์ของตัวเองเพื่อการศึกษา และวาดเป็นกราฟเปรียบเทียบให้ดูว่า Browser ไหน จาก IP Address ไหนที่มีกำลังแรงบ้าง โดยจะโชว์ให้เห็นแรงขุดแบบ Realtime
โค้ดดังกล่าวก่อนหน้านี้เคยมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ามันมีความเหมาะสมหรือไม่ที่จะถูกนำมาใช้งาน กล่าวคือความตั้งใจของนักพัฒนา Coinhive นั้นต้องการที่จะสร้างนวัตกรรมดังกล่าวขึ้นมาเพื่อแทนที่การโฆษณาบนเว็บไซต์ด้วย Banner ทว่าก็มีผู้ใช้งานที่ไม่ประสงค์ดีหลายๆคนนำมันไปปรับใช้กับเว็บของตัวเองโดยไม่มีการแจ้งก่อนล่วงหน้า แม้ว่าก่อนหน้านี้ผู้คนจะมองว่ามันเป็นเรื่องที่ยอมรับได้หากมีการแจ้งเตือนกันก่อน และปรับค่า thread ของ CPU ที่ใช้ขุดให้มีความเหมาะสมแล้วก็ตาม
เราเพิ่งมาถึงแค่ 0.1% ของ Blockchain เท่านั้น
โดยอ้างอิงจากคุณต๊อบ เขาได้แสดงให้เห็นถึงกราฟตามภาพด้านบนที่บ่งบอกสถานะปัจจุบันของโลกเรา กับการเกิดขึ้นของเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งจะเห็นได้ว่าเราเพิ่งไต่กราฟขึ้นมาได้แค่นิดเดียว เรียกได้ว่าแค่ 0.1% ของอนาคตทั้งหมดแห่ง Blockchain เท่านั้น โดยเขายังกล่าวอีกว่า มันยังมีโอกาสอีกมากมายให้เราคว้าไว้เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆด้วยเทคโนโลยีนี้ และยิ่งสำหรับ Developer แล้ว คุณควรจะคว้ามันไว้
“ยังมีโอกาสอีกมากมายให้กอบโกยจาก Blockchain ยิ่งถ้าคุณเป็น Developer คุณต้องเห็นโอกาสนี้”
กล่าวโดยคุณต๊อบ
ในภาพด้านบนนี้เป็นภาพที่คุณต๊อบจัดทำขึ้นมาเพื่อให้เห็น Technology Stack ทั้งหมด เมื่อ Web 3.0 มาถึง หรือ Ethereum เริ่มเป็นที่ยอมรับและถูกใช้งานสำหรับสร้าง DAPP แบบจริงจังมากขึ้น ภาพนี้จะทำให้เราเห็นชัดเจนเลยว่า เราจำเป็นต้องมีความรู้ในด้านใดเพื่อนำ Blockchain ไปใช้ในการพัฒนาโปรเจ็คต่างๆ และด้วยความรู้เหล่านั้น คุณจะถือบทบาทไหนใน Ecosystem นี้
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
เริ่มต้นการเป็น Blockchain Developer กันได้แบบง่ายๆ
หลังจากทำความเข้าใจภาพรวมของ Ethereum Ecosystem ก็ได้มีการโชว์ตัวอย่างโค้ดที่เกี่ยวข้องกับ Tutorial ในวันนี้ ซึ่งมีตั้งแต่โค้ดที่ทำ Airdrop แบบง่ายๆ คือ สุ่มว่าจะส่งธุรกรรมของเหรียญไปหา Address ไหน ไปจนถึงสาธิตการเขียน Smart Contract ด้วยภาษาทางคอมพิวเตอร์ชื่อ Solidity หรือภาษาที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเขียนซอฟต์แวร์ Ethereum โดยภายในการอบรมนั้น คุณต๊อบได้สอนการใช้งาน Truffle เป็นหลัก ซึ่งสิ่งนี้เป็นเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์Ethereum ที่สำคัญมาก โดยมันสามารถอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น การสร้าง Private Net Blockchain หรือระบบบล็อกเชนแบบส่วนตัวที่ถูกใช้สำหรับทดสอบระบบ และการติดตั้ง Smart Contract ขึ้น Blockchain สาธารณะ โดยท่านผู้อ่านสามารถดูเนื้อหาสไลด์ได้ที่นี่ และ Coding Tutorial ได้ที่นี่
และถึงแม้ว่าในวันฮาโลวีนที่ผ่านมาจะมีการอัพเดท Truffle เวอร์ชันใหม่ล่าสุด คุณต๊อบก็ได้เข้าไปช่วยจัดการเรื่องโค้ดตัวอย่างที่เกิดปัญหาจากการอัพเดท เพื่อให้คนที่มาใหม่และต้องการศึกษาเรื่องนี้สามารถศึกษาได้อย่างสะดวก ไม่ติดขัด โดยผู้อ่านสามารถดูโค้ดเหล่านั้นได้ที่นี่
ในมุมมองของ Developer ทำไมเราถึงต้องใช้ Ethereum?
คุณสถาพน พัฒนาคูหา หรือผู้ก่อตั้ง Smart Contract Thailand บริษัทที่ให้บริการทางด้านโซลูชัน Smart Contract ในประเทศไทยได้เข้ามาช่วยตอบคำถามที่สำคัญคำถามหนึ่งในงานเช่นกัน
โดยเขามีความเชื่อมั่นว่าอนาคตของ Web Application ต่างๆในปัจจุบันที่ทำงานบนเซิฟเวอร์แบบ Centralized และรวมถึง Cloud server อาจจะถูกย้ายไปอยู่บน Blockchain ของ Ethereum ซึ่งนั่นหมายความว่า เราจะได้ใช้งานกำลังประมวลผลจาก node ใน Blockchain Network ผ่านการทำงานของ Ethereum Virtual Machine ที่ติดตั้งไว้ และมีความเป็น Decentralized มากขึ้น
“ให้คุณลองมองว่า ทุกๆอย่างที่คุณเคยเข้าใจ จะถูกทำให้เป็น DecEntralized ได้ ด้วย Blockchain”
กล่าวโดยคุณสถาพน
คุณคุณสถาพนได้อธิบายถึงข้อดีของการใช้ Ethereum และ Smart Contract โดยสิ่งที่เราจะได้รับ คือ ความมั่นคงของระบบที่มากขึ้น และความน่าเชื่อถือของข้อมูล ซึ่งแน่นอนว่าเกิดจากการใช้ Blockchain ที่กระจายตัวกันทั่วโลก ทำให้ Decentralized Application ของเราที่เขียนบน Ethereum นั้น แทบจะไม่มีทางถูกโจมตีได้เลย
หลังจบ Session ของคุณต๊อบ ก็ได้มีคุณ Long Vuong ผู้เป็น CEO ของบริษัท Tomo หรือบริษัทผู้เป็นเจ้าของเหรียญ Tomocoin ที่เป็น Social Network และ Cryptocurrency ในตัวเอง มาพูดถึงเรื่อง ICO ที่มาจะเป็นอนาคตของการระดมทุน และการลงทุนด้วย Cryptocurrency
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
สำหรับงานอบรมในครั้งนี้ ในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเสริมสร้างความรู้ด้าน Blockchain ให้กับ Community ของ Developer ในประเทศไทย อีกทั้งภายในงานยังได้มีการถกประเด็นกันเรื่องอนาคตของ Blockchain และโลกของเรา ทำให้เกิดความเข้าใจในวิสัยทัศน์มากขึ้น ถือว่าเทคโนโลยีนี้ยังมีอะไรให้ทำความเข้าใจอีกมากมาย โดยส่วนตัวผู้เขียนนั้นคิดว่างานอบรม และการแลกเปลี่ยนความรู้ในเรื่องของ Blockchain นั้นจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญเพื่อเสริมสร้างคุณภาพของบุคลากรที่มีความรู้ด้าน Blockchain ให้กับประเทศไทย ในวันหนึ่งประเทศไทยอาจจะเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีนี้ก็เป็นได้
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น