ผู้ใช้งาน Bitcoin สามารถที่จะเข้าถึงฟีเจอร์ Lightning Network (LN) บนโทรศัพท์มือถือได้แล้วผ่านแอพที่มีชื่อว่า Eclair ที่พัฒนาโดยบริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติฝรั่งเศสนาม ACINQ
เมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมา นักพัฒนาของทางบริษัทดังกล่าวได้ได้เปิดตัว Eclair Wallet บนระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 5 ขึ้นไป โดยแอพดังกล่าวนั้นถือเป็นแอพกระเป๋าคริปโตบนโทรศัพท์มือถือตัวแรกที่รองรับ Lightning Network ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าของ Bitcoin ที่มีการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดมาใช้งานในชีวิตจริง
แอพ Eclair ที่ถูกเขียนโดยภาษาคอมพิวเตอร์ Scala นั้นถือเป็นหนึ่งในสามระบบของ LN โดยก่อนหน้านี้มี Lnd ที่ถูกพัฒนาโดย Lighting Labs ที่ถูกเขียนโดยภาษา Go และ c-lightning ที่ถูกพัฒนาโดย Blockstream เขียนโดยภาษา C
หน้าตาของแอพ Eclair นั้นจะมีให้ใช้ทั้งในส่วนของหน้า Bitcoin blockchain แบบธรรมดาทั่วไป และแบบ off-chain บน Lightning Network จึงทำให้ทางผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องแยกกระเป๋า Bitcoin แบบ on-chain และ off-chain อีกต่อไป
ผู้ใช้งานทวิตเตอร์รายหนึ่งนาม Alistair Milne ได้ออกมาทวีตถึงความเร็วในการส่ง Bitcoin หากันว่า
Having made some payments using Bitcoin’s Lightning network, I can conclude:
– holy crap, its fast (faster than NFC?!)
– waiting for confirmations will be only for large payments
– Eclair wallet remarkably user-friendly (& only going to improve)
– need more merchants!— Alistair Milne (@alistairmilne) April 5, 2018
“หลังจากที่ลองทดสอบส่ง Bitcoin ผ่านเครือข่าย Lightning แล้ว ผมสามารถสรุปเป็นข้อ ๆ ได้ว่า
- เหยด มันเร็วมาก (เร็วกว่า NFC?!)
- หากส่งทีละเยอะ ๆ จะต้องรอการคอนเฟิร์ม
- หน้าตากระเป๋า Eclair นั้นเป็นมิตรกับผู้ใช้งานมาก (และจะพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ)
- ผมอยากให้มีพ่อค้าใช้มากกว่านี้!”
อย่างไรก็ตาม มีบางส่วนที่ผู้ใช้งานควรรู้ก่อนตัดสินใจ
กระเป๋า Bitcoin แบบธรรมดาสามารถถูกแบคอัพได้โดยการ generate backup seed และเขียน seed เหล่านี้ลงบนกระดาษและเก็บมันไว้ในที่ ๆ ปลอดภัย
ในขณะเดียวกัน หากผู้ใช้งานเก็บเหรียญไว้ใน channel ของ LN นั้น แอพดังกล่าวจะไม่สามารถแบคอัพได้ ดังนั้นผู้ใช้งานจะสูญเสียเหรียญทั้งหมดทันทีถ้าหากว่าลืมรหัสผ่าน หรือไม่สามารถเข้าไปใช้งานโทรศัพท์นั้นได้อีก ซึ่งก็ไม่ต่างจากการสูญเงินทั้งหมดที่อยู่ในกระเป๋าสตางค์จริง ๆ
อีกหนึ่งข้อที่ควรทราบคือกระเป๋า LN นั้นไม่สามารถใช้เพื่อเป็นช่องทางการใช้จ่ายได้ ดังนั้นนั่นจึงเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาด เนื่องจากกระเป๋านั้นไม่สามารถถูกกู้คืนได้ถ้าหากว่าสูญหาย
ยิ่งไปกว่านั้น ซอฟต์แวร์ของ LN นั้นเพิ่งจะอยู่ในช่วง beta มาไม่นานนัก และในขณะทีี่บางส่วนได้ถูกติดตั้งบน mainnet แล้ว แต่ก็ยังต้องมีการทดสอบอีกมากมาย เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดปัญหาที่จะทำให้ผู้ใช้งานสูญเสียเงินได้
ก่อนหน้านี้ทางสยามบล็อกเชนได้รายงานไปแล้วถึงกลุ่มนักพัฒนาที่ใช้นามแฝงว่า bitPico ได้ทำการโจมตี LN node ด้วยวิธี Denial-of-Service (DoS) โดยมีจุดประสงค์เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของระบบ
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น