หลังจากที่เว็บเทรดสัญชาติไทยนาม Bitkub ได้เปิดตัวในวันที่ 3 เมษายน 2018 ที่ผ่านมา หลาย ๆ ท่านคงทราบดีแล้วว่าผู้ก่อตั้งเว็บดังกล่าวนั้นก็คือ คุณต้น หรือนายสระกรย์ สระกวี อีกทั้งยังเป็นแอดมินของกลุ่มคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยอย่าง Bitcoin Thai Club และเคยเป็นอดีต CEO ของบริษัทเกมยักษ์ใหญ่ในไทย Garena Thailand
ในประกาศเปิดตัวนั้นได้พูดถึงผู้ร่วมก่อตั้งคนสำคัญอย่าง นาย อธิชนัน พลูเกษ หรือ คุณแบงค์ ผู้เคยมีประสบการณ์ทำงานเป็นอดีตผู้บริหารของบริษัทการเงินระดับโลก Goldman Sachs และยังเคยเป็นอดีตผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาองค์กรของ dtac อีกด้วย หลาย ๆ คนในวงการคริปโต อาจจะไม่รู้จักว่า เขาเป็นใคร มาจากไหน ทำไมถึงเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญของ Bitkub
ในวันนี้ ทาง Siam Blockchain เป็นเกียรติอย่างมากที่ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ คุณแบงค์ เพื่อที่เขาจะเล่าให้เราฟัง ถึงความเป็นมา และแนวคิดต่อคริปโตของเขา ที่เชื่อว่าผู้อ่านหลาย ๆ ท่านคงอยากจะทราบอยู่เช่นกัน
ประสบการณ์การศึกษา การทำงาน
คุณแบงค์ สำเร็จวุฒิปริญญาตรีด้าน Civil Engineering หรือ วิศกรรมโยธาที่ California State University Fullerton ประเทศอเมริกา และได้ศึกษาปริญญาโทด้าน Financial Engineering ที่ University of California, Los Angeles หรือ UCLA
ในช่วงซัมเมอร์ขอวปี 2012 ที่เขาศึกษาอยู่ที่ UCLA นั้น เขาได้มีโอกาสไปฝึกงานที่บริษัท Goldman Sachs และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเขา
“ระหว่างที่ผมเรียนปริญญาโทอยู่ที่ UCLA ผมได้มีโอกาส Intern ในช่วง Summer ที่ Goldman Sachs หลังจากช่วงฝึกงานจบลง ทางบริษัทได้จ้างงานผมต่อแบบ Full time ในระหว่างนั้นผมได้ร่วมทีม Investment Bank ที่ดูแลในด้าน Proprietary Trading และ M&A”
หลังจากทำงานที่ Goldman Sachs เป็นเวลา 2 ปี เขาได้กลับมาทำงานที่บริษัท PwC ประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญด้านในการให้บริการตรวจสอบบัญชี (Audit), ให้คำปรึกษาทางธุรกิจ (Consulting) และภาษี
คุณแบงค์เคยเป็นอดีตผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาองค์กรของ dtac ที่ดูแลทางด้านการลงทุน Spectrum (คลื่นความถี่) และ infrastructure (โครงสร้างพื้นฐานระบบโทรคมนาคม) รวมถึงการลงทุนอื่นๆของ dtac เขาได้เป็นส่วนหนึ่งในการปิดดีลคลื่นความถี่ 2300 MHz ให้กับ dtac ด้วยเช่นกัน
รู้จักคริปโตได้อย่างไร
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่าคนที่เคยทำงานกับสถาบันการเงินที่ออกข่าวมาต่อต้าน Bitcoin หรือคริปโต อย่างเต็มที่นั้น เริ่มมีความสนใจในสกุลเงินคริปโตที่อยู่ด้านตรงข้ามกันจนกระทั่งผันตัวกลายเป็นผู้ร่วมก่อนตั้งของเว็บเทรดคริปโต Bitkub นี้ได้อย่างไร
“ในปี 2012 ระหว่างที่ผมศึกษาเรื่อง Algorithmic Trading – Professor ท่านนึง ได้ให้ Assignment เกี่ยวกับ Trading Algorithm และได้พูดถึงคริปโตขึ้นมา ในช่วงนั้นมี Bitcoin เพียงตัวเดียวที่กำลังดัง เลยใช้แพลตฟอร์มนั้นในการลอง Automate การเทรด Bitcoin เพื่อต้องการที่จะศึกษากลไกตลาดของมัน”
“หลังจากที่ได้ศึกษามาตลอดทั้งคอร์สเรียน ก็ได้เกิดความสนใจและศึกษา ติดตามข่าวสาร ต่อจากนั้นมาเรื่อย ๆ ครับ”
ในปัจจุบันเขาได้ลงทุนในคริปโตอยู่เช่นกัน แต่จะเน้นไปในระยะยาวหรือลงทุนแบบ VI (Value Investor) มากกว่าเป็น Trader ระยะสั้น ๆ
มุมมองเกี่ยวกับคริปโต
ในฐานะที่ คุณแบงค์ เคยทำงานที่บริษัทด้านการเงินมา ผู้สัมภาษณ์เลยถือโอกาส ถามถึงความเห็นระหว่างคริปโตและธนาคารว่า มันจะสามารถอยู่ร่วมกับคริปโตได้ไหมในอนาคต
“ส่วนตัวคิดว่าในอนาคตธนาคารใหญ่ๆจะมีความจำเป็นในการ Implement เทคโนโลยี Blockchain หรือ Smart Contracts เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของธนาคารรวมถึงการเข้าถึงเข้ามูลได้อย่างรวดเร็วของลูกค้า โดยส่วนตัวผมคิดว่าไม่ช้าก็เร็วพวกคริปโต หรือ Blockchain จะมา Disrupt ทุกอุตสาหกรรม ถ้าหากใครก็ตามที่ไม่ปรับตัวตาม ก็จะเป็นผู้เสียโอกาสทางธุรกิจ”
“อุตสาหกรรมที่เทคโนโลยี Blockchain จะเข้าไป Disrupt ก่อน คืออุตสาหกรรมที่มีปริมาณการทำธุรกรรมเยอะ มีการส่งต่อข้อมูลที่ซับซ้อน และต้องการความปลอดภัยในการรักษาข้อมูลสูง เช่น ธนาคาร (Financial Services), อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate) และ Supply Chain ”
คุณแบงค์ได้อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเห็นส่วนตัวสำหรับเทรนด์คริปโตในอนาคตว่า :
“ผมคิดว่าตอนนี้ cryptocurrency เป็นตลาดการเก็งกำไร (Speculator Market) อยู่ ยังไม่มีมูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic Value) เท่าไร ในช่วงนี้คงยังมีกลไกที่เป็นความโลภและความกลัว (Greed and Fear) สูง แต่หากในอนาคตมีผลิตภัณฑ์ (Product Launch) ที่ใช้งานได้จริงออกมา เช่น Smart Contracts ของ Ethereum เริ่มออกมาแล้ว เมื่อนั้นเราจะได้เริ่มเห็นมูลค่าที่แท้จริงของตลาดคริปโต”
เขายังเผยให้เห็นว่ากระแสคริปโตที่กำลังร้อนแรงทั่วโลก และเทคโนโลยี Blockchain เป็นโอกาสที่ดีสำหรับประเทศไทย หากทางผู้ออกกฎหมายพิจารณาให้กฎหมายมีความยืดหยุ่นและเอื้อต่อคริปโต จะเปิดประตูสำหรับนักลงทุนจากทั่วโลกให้เข้ามาลงทุนด้าน Blockchain Technology ที่ประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันยังไม่ช้าเกินไป ที่ทางประเทศไทยจะเปิดรับโอกาสนี้
ศักยภาพของ Bitkub
เมื่อพูดถึงเว็บเทรดคริปโต แน่นอนว่าไม่สามารถมองข้ามเจ้าใหญ่อย่างเว็บ Bx ไปได้เลย เนื่องจากปัจจุบันเว็บดังกล่าวมีปริมาณการเทรดเยอะที่สุดในประเทศไทย เมื่อเว็บ Bitkub เปิดตัวออกมา คงมีคนไม่น้อยที่ตั้งคำถามว่าเว็บ Bitkub นั้น สามารถสู้เว็บ Bx ได้หรือไม่
“ถ้ามองในปริมาณการเทรด Bx เขาอาจจะนำเราในตอนนี้ แต่หากมองในด้านความโปร่งใสและการปฏิบัติตามกฎ กลต. เราพยายามจะสร้างรากฐานที่โปร่งใสและมีความตั้งใจที่เป็นเว็บเทรดคริปโตตัวอย่างของประเทศ เพราะฉะนั้นเราจะเริ่มด้วยการวางรากฐานให้มั่นคง ง่ายต่อการใช้งานสำหรับทุกคน มีความโปร่งใสมากที่สุด ในอนาคตคาดว่าจะสามารถเป็นเบอร์ 1 ในประเทศหรือแม้กระทั้งในแถบ Southeast Asia ได้ไม่ยาก”
เมื่อเกริ่นถึงการเป็นกระดานเทรดชั้นนำใน Southeast Asia แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้มีแผนจะบริการแค่ในไทย พวกเขามีแผนที่จะขยายไปต่างประเทศอีกด้วย
“มีแผนที่จะจับมือกับธนาคารระดับโลกหลายธนาคารอยู่ ในตอนแรกจะขยายไปในตลาด Southeast Asia ก่อน หลังจากนั้นจะ Partner เพื่อสร้างสภาพคล่องในเว็บเทรดให้มากขึ้น แต่ตอนนี้อยากโฟกัสทำให้คนไทยสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มที่มีคุณภาพระดับโลกได้ก่อน”
“นอกจากนี้ เรายังมีแผนเกี่ยวกับ Decentralized Exchange เช่นกัน แต่ต้องมีฐานลูกค้าและสภาพคล่องซะก่อน”
มาถึงตอนนี้ผู้อ่านคงเริ่มรับรู้ถึง ความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถ รวมถึงแนวคิดและทัศคติต่อคริปโตของ นาย อธิปชนัน ในระดับหนึ่งแล้ว ด้วยประการทั้งปวง คาดว่าในอนาคต Bitkub มีศักยภาพที่จะเป็นเว็บเทรดเจ้าใหญ่อีกเจ้าหนึ่งในไทย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องติดตามต่อไปว่าทาง Bitkub จะงัดกลยุทธ์ไหนออกมาใช้เพื่อเรียกผู้ใช้ให้มาที่เว็บของพวกเขา
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น