<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

CEO และเจ้าของ Binance กล่าว ICO นั้นดีกว่าการระดมทุนปกติเป็นอย่างมาก

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นาย Zhao Changpeng CEO ของเว็บเทรดคริปโตอันดับโลกนาม Binance กล่าวว่า การระดมทุนแบบ ICO นั้นดีกว่าการระดมทุนแบบปกติ (Venture Capital) ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสถูกหลอกลวงก็ตาม

ในวันจันทร์ที่ผ่านมา เจ้าของ Binance ได้โพสผ่านบล็อคประเด็นเรื่อง “ICO ไม่ใช่แค่สิ่งที่ดีเท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่จำเป็น” เขามีความเชื่อว่า “การระดมทุนผ่าน ICO นั้นง่ายกว่าการระดมทุนแบบปกติเป็น 100 เท่า”

การกล่าวอ้างดังกล่าว นับว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก หากเราคิดว่ามันเป็นคำพูดจากผู้ที่เป็นเจ้าของเว็บเทรดคริปโตที่เกือบใหญ่ที่สุดในโลก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจนักเนื่องจากแค่ภายในปี 2017 นั้น ในทุก ๆ เดือน มีบริษัท 50 กว่าบริษัท ที่ทำการระดมทุน ICO และในปีนั้นการระดมทุนแบบ ICO มีมูลค่าประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์

 

และในปี 2018 นี้ ได้มีการระดมทุนไปแล้วเกือบ 7 พันล้านดอลลาร์ โดยมี ICO ของ Telegram เป็นอันดับหนึ่งซึ่งมีมูลค่ากว่า 1.7 พันล้านดอลลาร์, Dragon มูลค่า 320 ล้านดอลลาร์ และ Huobi Token มูลค่า 300 ล้านดอลลาร์รองลงตามลำดับ

ในโพสดังกล่าวยังมีการโต้เถียงว่า “นักลงทุนมืออาชีพส่วนใหญ่ใน VC นั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโปรเจกต์หรือวงการที่พวกเขาลงทุนนั้นเกี่ยวกับอะไร”

“พวกเขาหลายคนไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับสตาร์อัพและไม่มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีในวงการนั้นเลย”

นอกจากนี้เขายังยอมรับด้วยว่าการ ICO นั้นสามารถเกิดความล้มเหลวได้ และมีการหลอกลวงต้มตุ๋นเกิดขึ้นจริง “หากเปรียบเทียบกับการระดมทุนปกติ มีโปรเจค ICO ในอัตราส่วนจำนวนมากที่จะสำเร็จ”

เขาโต้แย้งความเชื่อว่า ผู้ที่ลงทุนนั้นไม่ทราบถึงความเสี่ยงในการลงทุนใน ICO

“นักลงทุน ICO ส่วนใหญ่นั้นตระหนักดีว่าโทเค็นที่ตนเองลงทุนไป อาจจะไม่ประสบความสำเร็จในระยะยาว”

“ICO ส่วนใหญ่นั้นเป็นโปรเจคสตาร์ทอัพ และมีโอกาสที่จะล้มเหลวสูง เหมือนกันกับสตาร์ทอัพปกติ ไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากเดิม ผู้ที่ลงทุนใน ICO ทราบถึงข้อนี้ดี”

โดยส่วนตัวผู้เขียนเห็นด้วยว่า ICO มีศักยภาพมากกว่าการระดมทุนปกติเป็นอย่างมากเนื่องจากข้อจำกัดที่น้อยนิดเช่น ข้อจำกัดในการเดินทาง โดยปกติแล้วหากต้องการที่จะลงทุนในสตาร์ทอัพระดับเทพอย่างเช่น Facebook เราจำเป็นต้องเป็นนักลงทุนที่มีชื่อเสียง หรือได้รับเชิญไปลงทุนในงานเป็นต้น ซึ่งนักลงทุนปกตินั้นเลิกคิดในข้อนี้ไปได้เลย เนื่องจากมีผู้ลงทุนที่น้อย โปรเจกต์ที่ระดมทุนสำเร็จไปก็น้อยลงไปด้วย ส่งผลให้มีโปรเจกต์ดี ๆ ก็ออกไปสู่ตลาดน้อยลงไปด้วย

แต่หากเป็นการระดมทุน ICO นักลงทุนสามารถจะลงทุนที่ไหนก็ได้ในโลกขอเพียงแค่พวกเขาสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ ส่งผลให้โปรเจกต์ดี ๆ สามารถระดมทุนสำเร็จมีมากขึ้น และมีโปรเจกต์ดี ๆ ออกไปสู่สังคมมากขึ้น ทำให้ความเป็นอยู่ของคนดีขึ้นไปด้วย เมื่อเราทราบแบบนี้แล้ว ทำไมเราถึงต้องทนให้วิธีแบบเดิม ๆ ที่มีปัญหาตรงคอขวด ซึ่งทำให้ศักยภาพของโปรเจกต์ดี ๆ นั้นถูกปิดกั้นไป

แต่กระนั้นตัว ICO ยังมีช่องโหว่ด้านกฎหมายอยู่มาก เนื่องจากยังไม่สามารถควบคุมได้อย่างถูกต้อง ยังมีการหลอกลวงต้มตุ๋นเกิดขึ้น โดยที่ยังไม่สามารถเอาผิดได้ ทางรัฐบาลและผู้ออกกฎหมายต้องเข้ามาควบคุมและแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่าง ๆ อาจจะส่งผลให้นักลงทุนใหญ่ ๆ ระดับสถาบันมีเงินอัดฉีดไหลเข้ามาใน ICO ก็เป็นได้

ที่มาภาพ Ejinsight

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น