<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

[รีวิว] Hardware Wallet รุ่นล่าสุดจาก Trezor นาม Trezor Model T มาพร้อมระบบ Touch Screen

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หากคุณคือผู้ที่สนใจใน Cryptocurrency และลงทุนอยู่กับมัน โดยปกติแล้วจะฝากเงินหรือคริปโตของเราไว้ที่ Wallet ของเว็บเทรดคริปโตต่าง ๆ แน่นอนว่า เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยเป็นปกติอยู่แล้ว แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามาตรการเหล่านั้นยังคงมีโอกาสที่จะเจอช่องโหว่อยู่ดี ที่เห็นข่าวเว็บเทรดคริปโตใหญ่ ๆ ถูกแฮ็คในปีนี้

เลยเป็นสาเหตุให้มี Hardware Wallet ถือกำเนิดขึ้นมา ซึ่งมีความปลอดภัยที่มากกว่า Wallet ในเว็บเทรด และล่าสุดมี Hardware Wallet จากบริษัท Trezor รุ่นล่าสุดออกมาในนาม Trezor Model T

แกะกล่อง

ภายในกล่องของ Trezor Model T ประกอบไปด้วยตัว Trezor Model T, USB Type C, กระดาษสำหรับ Backup Passphase และตัวแม่เหล็กที่มีกาวไว้สำหรับติดผนังได้

ดีไซน์

Trezor Model T มีขนาดแทบจะไม่ต่างจากรุ่นที่แล้วคือ Trezor One และทำจากพลาสติก โดยรุ่นนี้จะมีสีดำ และมีรูไว้สำหรับเชื่อมต่อกับ USB Type C พร้อมทั้งมีจอ LCD ที่สามารถ Touch Screen ได้

นอกจากนี้ยังมีแม่เหล็กฝังติดอยู่ในตัว Trezor เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่ไม่อยากถือ Trezor เวลาใช้งาน

เทคโนโลยี

อ้างอิงจากเว็บ Trezor  Wallet ของพวกเขารองรับสกุลเงินหลัก ๆ เช่น Bitcoin, Ethereum, Litecoin หรือโทเคนที่ใช้มาตร ERC-20 ที่มักพบใน ICO ต่าง ๆ

โดยในโมเดลนี้จะรองรับการใส่ Pin Code ด้วยการ Touch Screen เพื่อการเข้าใช้งาน Trezor พร้อมทั้งมีระบบ Backup Passphrase สำหรับกรณีที่ทำ Trezor หายแต่ต้องการใช้ Wallet address เดิมอยู่ และนำไปกู้ Wallet ที่ Hardware Wallet ใหม่ก็สามารถทำได้

นอกจากนี้อ้างอิงจากเว็บไซต์ของ Trezor เอง ยังเคลมด้วยว่ามี Feature ใหม่ที่ชื่อ Trezor Core ที่จะสามารถใช้งานได้ในอนาคต

การใช้งาน

การใช้งาน Trezor นั้นไม่จำเป็นต้องโหลดโปรแกรมใด ๆ เพียงแค่เราเชื่อม USB Type C ที่ให้มาพร้อมกับ Trezor กับ PC ของเรา

จากนั้นเข้าไปที่เว็บไซต์ trezor.io/start และเลือก Trezor Model T

เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้งาน Trezor ในการฝาก หรือถอนคริปโตได้แล้วเพียงไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้น

เริ่มติดตั้ง

สำหรับการติดตั้งหลังจากเชื่อมต่อเรียบร้อยแล้ว จะมีให้เลือกว่าเรา ต้องการสร้าง Wallet ใหม่หรืออยาก Import Wallet อื่น ๆ มาใช้งาน จากนั้นจะมีขั้นตอนสอนทั้งการสร้าง Pin ของ Trezor และแนะนำให้จดบันทึก Backup Passphrase รวมทั้งการตั้งชื่อ Trezor ของเรา

ทดสอบโอน Bitcoin เข้าออก

หากต้องการโอน Bitcoin ออกนั้น ให้เข้าไปที่หน้า Send

จะมีช่องคำว่า Address เว้นไว้ให้ใส่ Address ของ Wallet Bitcoin อีกฝ่าย, Amount มีไว้สำหรับใส่จำนวนว่าต้องการโอน Bitcoin ออกเท่าไร ซึ่งจะมีเทียบให้ดูในเรทปัจจุบันว่าเป็นมูลค่ากี่ดอลลาร์ พร้อมทั้งสามารถกำหนดค่าธรรมเนียมได้อีกด้วยว่า อยากจ่ายค่าธรรมเนียมเท่าไร ซึ่งยิ่งจ่ายค่าธรรมเนียมมากก็จะยิ่งยืนยันธุรกรรมเร็วขึ้นไปอีก

หลังจากที่ใส่ข้อมูลเบื้องต้นทั้งหมด และเลือกค่า Fee กดปุ่ม Send สีเขียวด้านล่างเพื่อทำการส่ง จากนั้น Trezor ของเราจะมีรายละเอียดขึ้นของการทำธุรกรรมให้เราเช็คอีกรอบว่า Address และจำนวนตรงตามที่ต้องการไหม

จากนั้นทำการกดที่จอ Trezor ค้างไว้เพื่อยืนยันธุรกรรมอีกรอบ เป็นอันเรียบร้อย

ในส่วนของการรับ Bitcoin นั้น ขั้นตอนคล้าย ๆ กับ Wallet ปกติ คืออีกฝ่ายจำเป็นต้องรู้ Address ของ Wallet เราเสียก่อน ในการที่จะหา Wallet ของเรานั้น ก็แค่เพียงไปที่หน้า Receive และกดปุ่มสีเขียว ๆ ที่ชื่อว่า Show Full Address

ก็จะมี Address ของ Bitcoin เราแสดงขึ้นมาให้เห็น จากนั้นก็นำ Address ของเราส่งไปให้คนอื่น และรอรับ Bitcoin เป็นอันเสร็จสิ้น

แล้วเหรียญอื่น ๆ ล่ะ

อ้างอิงจากเว็บไซต์ของ Trezor มันรองรับสกุลเงินหลัก ๆ หลายสกุล ซึ่งหากเราต้องการส่งหรือรับเงินสกุลอื่น ๆ ให้เลือกที่มุมบนซ้ายจากที่เห็นไม่ว่าจะเป็น Bitcoin Cash, Bitcoin Gold, Dash, Ethereum และ Doge Coin เป็นต้น จากนั้นก็ทำการรับส่งคล้าย ๆ Bitcoin

ยกเว้นบางเหรียญเช่น Ethereum หรือพวกโทเคนที่ใช้มาตรฐาน ERC-20 จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับ Myetherwallet ก่อน ซึ่งทั้ง Trezor และ Myetherwallet ได้จับมือกันเป็นที่เรียบร้อย สามารถเชื่อม Trezor ได้ในเว็บ Myetherwallet

จากนั้นเลือก Trezor และกดปุ่มสีน้ำเงินค่ำว่า Trezor และทำการเลือก Address ที่เราต้องการ และกดคำว่า Unlock your Wallet ก็สามารถใช้งานได้ตามปกติเป็นเหมือนกระเป๋า Ethereum ที่รองรับ ERC-20 อื่น ๆ

ข้อควรระวัง

ด้วยระบบ Touch Screen ใหม่ทำให้มีข้อดี รวมทั้งข้อเสียที่เพิ่มขึ้นมา ในความคิดเห็นส่วนตัวผู้เขียนแนะนำว่าผู้ที่มีนิ้วใหญ่จะพบความยากลำบากในการใช้งาน เวลากด Pin เพราะว่าพื้นที่ให้กดค่อนข้างเล็ก นอกจากนี้ยังมีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่า Hardware Wallet ตัวอื่น ๆ ในตลาดที่มีราคาถึง 149 ยูโร ในขณะที่ Hardware Wallet คู่แข่งอย่าง Nano Ledger นั้นมีราคาเพียง 95 ดอลลาร์เท่านั้น

[รีวิว] Hardware Wallet รุ่นล่าสุดจาก Trezor นาม Trezor Model T มาพร้อมระบบ Touch Screen
  • ความง่ายในการใช้งาน
  • คุณภาพของวัสดุที่นำมาใช้
  • ความปลอดภัย
  • ฟีเจอร์ต่างๆ
  • การรองรับจำนวนเหรียญ
  • User Interface ของแอพที่นำมาเชื่อมต่อ
  • ราคา
  • ปัญหาและ Bug (ดาวยิ่งมากแปลว่าปัญหายิ่งน้อย)
4.1

สรุป

โดยภาพรวมแล้ว Trezor Model T ถือเป็น Hardware Wallet ที่มีความสะดวกสบาย และความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน ในการใช้งานจะได้ความรู้สึกแบบพรีเมี่ยมกว่า Hardware Wallet อื่น ๆ แต่ความสะดวกสบายในระบบ Touch Screen ที่เพิ่มขึ้นมานั้น มาพร้อมกับราคาที่เพิ่มขึ้นกว่า Hardware Wallet อื่น ๆ ในตลาด หากผู้ที่ลงทุนคริปโตคนไหนกำลังมองหา Hardware Wallet ที่ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมและให้คำสัญในความปลอดภัยเป็นอย่างมากเนื่องจากลงทุนเป็นจำนวนมาก ผู้เขียนก็คิดว่า Trezor Model T เป็น Wallet ที่เหมาะสมเลยทีเดียว

Pros

  • หน้าจอทัชสกรีนขนาดใหญ่ความละเอียดสูง ทำให้มองเห็นข้อมูลชัด
  • รองรับ microSD ทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้มากขึ้น
  • รองรับ USB Type C ที่ทำให้สะดวกสำหรับผู้ที่ใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่
  • โปรแกรมเชื่อมต่อที่ใช้งานง่าย

Cons

  • ราคาแพงเกินไป
  • วัสดุเป็นพลาสติกทั้งหมด ให้ความรู้สึกถูก ไม่พรีเมียมเหมือนรุ่นก่อนหน้านี้
  • การอัพเดตเฟิร์มแวร์มีขั้นตอนที่ยากมาก ๆ
  • ระบบความปลอดภัยที่ยังไม่สมบูรณฺ์แบบ

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น