<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อต้านการก่อการร้ายเผย ผู้ก่อการร้ายยังคงเลือกใช้เงินสดมากกว่าคริปโต

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นาย Yaya Fanusie ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ของมูลนิธิเพื่อการปกป้องประชาธิปไตยได้อธิบายว่า ถึงแม้ผู้ก่อการร้ายจะเคยพยายามที่จะระดมทุนผ่าน Cryptocurrencies แต่ความเป็นจริงแล้วกรณีดังกล่าวนั้นแทบไม่เกิดขึ้นจริงเลย ผู้ก่อการร้ายเหล่านั้นยังคงเลือกที่จะใช้เงินสดในการกระทำที่ผิดกฎหมายอยู่ดี

เขาให้เหตุผลว่า:

“ข่าวดีคือ ปัจจุบัน ผู้ก่อการร้ายส่วนใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ใน Jihandi ไม่ได้ใช้ Cryptocurrency โดยปกติแล้ว พวกเขาจะซื้อสินค้าด้วยเงินสด ซึ่งเป็นวิธีการที่ติดตามได้ยากที่สุด หากลองพิจารณาดู Cryptocurrency ทำงานด้วยเทคโนโลยี Blockchain ถึงแม้จะไม่ทราบก็ตามว่าใครเป็นผู้โอน แต่ก็ยังมีร่องรอยทิ้งไว้ในบัญชีสาธารณะซึ่งอาจจะสามารถสืบตามภายหลังได้ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่ผู้ก่อการร้ายจะปกปิดร่องรอย”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ออกมาแย้งว่า Cryptocurrency ไม่ใช่สิ่งชั่วร้าย เขาเคยทำงานให้หน่วย CIA หลายสิบปีในฐานะนักวิเคราะห์การต่อต้านการก่อการร้าย เขาเป็นคนที่คอยเป็นหูเป็นตาให้กองทัพสหรัฐฯ, ทำเนียบขาว และหน่วยงานด้านกฎหมาย

นาย Fanusie ได้อธิบาย และเน้นย้ำว่าถึงแม้จะมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ  ด้านการเงินเกิดขึ้น แต่ผู้ก่อการร้ายยังคงเลือกใช้เงินสดอยู่ดี

“ผู้ก่อการร้ายได้เคยนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เหล่านั้นมาใช้ก่อนสาธารณะเสียอีก ไม่ว่าจะเป็นเช็คกระดาษ, บัตรเครดิต, Paypal พวกเขาเคยใช้ก่อนเราทั้งนั้น และแน่นอนว่าพวกเขาก็ได้ทดลอง Cryptocurrency เช่นกัน ซึ่งปัจจุบันกำลังศึกษากันอยู่ หน่วยงานด้านกฎหมายและด้านเทคโนโลยีจำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับอนาคตที่กลุ่มดังกล่าวอาจหาวิธีใหม่ ๆ มาใช้ได้”

ตั้งแต่อดีต หลายหน่วยงานได้พยายามที่จะต่อกรกับการใช้งานที่ผิด ๆ ของ Bitcoin ตั้งแต่ที่มันถือกำเนิดขึ้นมา จริง ๆ แล้วกฎหมายสำหรับการต่อต้าน การที่ Bitcoin ถูกใช้โดยผู้ก่อการร้ายนั้นเกิดขึ้นในปี 2008 ใน Richmond Journal of Law and Technology ซึ่งผู้เขียนกล่าวว่า “ผู้ก่อการร้ายพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการตรวจจับได้หันไปใช้วิธีอื่นในการโอนเงินเช่นการค้าสินค้าโภคภัณฑ์, Hawala และสกุลเงินดิจิทัล”

นอกจากประเด็นเรื่องผู้ก่อการร้าย นาย Fanusie ยังกล่าวให้ความเห็นตอนท้ายอีกด้วยว่า:

“ไม่แน่ ในอนาคต เราอาจจะใช้ Cryptocurrency ในการทำธุรกรรมในชีวิตประจำวันเราก็ได้”

ที่มา News.bitcoin

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น