<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ก.ล.ต. ย้ำ Q Exchange ยังไม่ได้รับการอนุญาตให้ทำธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล นักลงทุนควรหลีกเลี่ยง

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หลังจากที่ประเทศไทยมี พ.ร.ก. การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยเฉพาะออกมา เว็บเทรดใดก็ตามที่ต้องการเปิดให้บริการนั้น ก็จำเป็นต้องได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ก่อน เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน เนื่องจากในปัจจุบันมีมิจฉาชีพแฝงตัวมากับวงการคริปโตเป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นการรับรองจาก ก.ล.ต. จึงเป็นหนึ่งในวิธีการป้องกันนักลงทุนจากการถูกหลอกลวงต้มตุ๋น

โดยก่อนหน้านี้ทางก.ล.ต. ได้ออกมากล่าวว่าบริษัท Q Exchange จำกัด บริษัทที่ให้บริการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน Cryptocurrency ในไทยนั้นยังไม่ได้ยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และยังไม่ได้หารือใด ๆ เลยเกี่ยวกับ Q Token

ล่าสุดวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา อ้างอิงจากเว็บก.ล.ต. พวกเขาได้ออกมาประกาศอีกครั้งว่า Q Exchange นั้นยังไม่ได้เป็นผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาต

ก่อนหน้านี้ทาง Q Exchange ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ของพวกเขาโดยพวกเขาระบุว่าเป็นบริษัทที่ให้คำแนะนำบริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ และให้บริการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสกุลเงิน Cryptocurency โดยได้โฆษณาผ่านสื่อ Social Media ในช่องทางต่าง ๆ และทำให้รู้จักกันในวงกว้าง

ทางก.ล.ต. จึงขอแจ้งให้ทราบว่าบริษัท Q Exchange จำกัด ยังไม่ได้เป็นผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาต จึงขอให้ประชาชนและผู้ลงทุนใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากอาจไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายที่อยู่ในการกำกับดูแลของ ก.ล.ต.

และในขณะที่เขียนบทความนี้ทางก.ล.ต. ได้แจ้งให้ทาง Q Exchange ให้ยุติการโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์การชักชวนดังกล่าวนี้แล้ว โดยถ้ายังใช้ถ้อยคำที่เข้าข่ายชักชวนให้มาลงทุนแล้วละก็ ก็จะโดนถูกพิจารณาว่ากระทำผิดตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 นั่นเอง

ก.ล.ต. ยังย้ำคำเดิมที่ว่าธุรกิจให้บริการรับแลกเปลี่ยน Cryptocurrency เป็นธุรกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 นอกจากนี้หากผู้ใดถูกชักชวนให้เข้ามาลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ก็ขอให้ตรวจสอบก่อนว่าธุรกิจนั้นได้รับใบอนุญาตหรือขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องแล้วหรือไม่

ก่อนหน้านี้นั้นทางก.ล.ต. ได้ออกมาเปิดเผยว่ากำลังเตรียมให้การอนุมัติ “ผู้คัดกรอง ICO” หรือ ICO Portal หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่ามีผู้ยื่นขอเป็น ICO Portal ถึง 5 บริษัทด้วยกัน ไม่แน่ว่าหลังจากนี้วงการคริปโตอาจกลับมาคึกคักอีกครั้งดั่งเช่นปลายปี 2017

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น