<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

อดีต CIA กล่าว “Blockchain นั้นทรงพลังและอาจเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุดต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ”

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา อ้างอิงจากข้อความใน Reddit นาย Andrew Bustamante อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของ CIA ได้ออกมากล่าวเตือนว่า Blockchain นั้นทรงพลังมากและอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯได้

Central Intelligence Agency (CIA) คือหน่วยงานของรัฐบาลที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดหาข้อมูลด้านความมั่นคงของประเทศมาให้กับผู้ที่สร้างนโยบายในสหรัฐฯ

ทำไม Blockchain ถึงอาจเป็นภัยคุกคามได้

ในกระทู้ดังกล่าวนั้น ได้มีผู้ติดตามของเขาได้เข้าไปถามว่า “คุณคิดว่าอะไรคือภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุดต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ในไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ?”

นาย Bustamante เลยตอบคำถามกลับไป โดยพูดถึงหลายปัจจัย ซึ่งมี Blockchain รวมอยู่ในนั้นด้วย:

“รัสเซีย, การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ, อิหร่าน, ประเทศเกาหลีเหนือ และเทคโนโลยี Blockchain มันไม่ใช่เรื่องตลก ๆ เลยนะ มันเป็นอะไรที่ทรงพลังมาก ๆ ใครก็ตามที่สามารถหาวิธีแฮ็กหรือควบคุมมันได้ จะได้ผลประโยชน์มหาศาล”

เขาได้อธิบายเพิ่มเติมว่า Quantum Computing นั้นอาจเป็นภัยต่อ Blockchain ได้ เนื่องจากการประมวลผลระดับสุดยอดนั้นอาจทำให้เปลี่ยนแปลงการป้องกันด้วยการเข้ารหัสที่เป็นส่วนสำคัญของ Blockchain ได้ และในส่วนนี้เองที่เทคโนโลยี Blockchain มีสิทธิที่จะถูกแฮ็กได้ ซึ่งในอนาคตอาจมีการใช้ระบบ Blockchain กันอย่างแพร่หลาย

นอกจากนี้ ผู้ที่ควบคุม Blockchain ได้นั้นยังมีสิทธิที่จะทำการเปลี่ยนแปลงข้อมูล ในระบบที่ใครหลาย ๆ คนเชื่อถือและคนทั่วไปไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วย ทำให้มันน่ากลัวขึ้นไปอีกถ้าเกิดขึ้นจริง

ก่อนหน้านี้ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DoJ) ก็เพิ่งทำการกล่าวหาว่า หน่วยข่าวกรองของรัสเซีย (GRU) 7 คน ซึ่งพยายามที่จะแฮ็กคริปโตและเปลี่ยนแปลงข้อมูลอีกด้วย

นอกจากนี้ เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมยังจับมือกับหน่วยงานอื่น ๆ อีกด้วย เพื่อตรวจสอบว่า Tether บริษัทผู้สร้าง USDT Stablecoin ชื่อดังนั้น พยายามที่จะควบคุมราคา Bitcoin อยู่หรือไม่

ผู้เขียนมีความเห็นส่วนตัวว่าการที่ Blockchain สามารถถูกแฮ็กได้นั้นเป็นเรื่องจริง เพียงแต่ว่า ในอนาคตหากเครือข่ายมันขยายใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ นั้น ก็ย่อมมี Nodes เยอะขึ้น และต้องใช้ต้นทุนมหาศาลในการแฮ็กมากขึ้นไปอีก แต่อย่างไรก็ตาม มันก็คงปลอดภัยกว่าระบบการเก็บข้อมูลแบบดั้งเดิมแน่นอน

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น