<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

มีการโยกย้ายเงินจำนวนมากออกจาก QuadrigaCX ไปยังเว็บเทรดอื่น ๆ ในขณะที่ CEO เสียชีวิต

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

จากข้อมูลของ CoinDesk ที่ตรวจสอบ Blockchain สาธารณะเผยว่า ETH มูลค่ากว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ ถูกเคลื่อนย้ายจาก QuadrigaCX ไปที่เว็บเทรดคริปโตเคอร์เรนซีอื่นในเดือนธันวาคมเดือนเดียวกับที่ซีอีโอของบริษัทได้เสียชีวิต

ข้อมูลเผยว่าการทำธุรกรรมโอน ETH จากทาง Hot Wallet (วอลเล็ทที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต) ของ QuadrigaCX เหรียญ ETH มากกว่า 9,000 เหรียญถูกโอนจากเว็บเทรดดังกล่าวไปสู่บัญชีของ Binance, Bitfinex, Kraken และ Poloniex (เจ้าของคือ Circle)

จากข้อมูลเผยว่าเหรียญ ETH ประมาณ 5,000 เหรียญถูกโอนไประหว่างวันที่ 2 ถึง 8 ธันวาคมซึ่งเป็นช่วงก่อนที่ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ QuadrigaCX นาย Gerald Cotten จะเสียชีวิต เหรียญ ETH ส่วนใหญ่ (4,550 เหรียญ) ถูกโอนไปยัง Binance ในช่วงนี้

อย่างไรก็ตามมันยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าทางเว็บเทรด QuadrigaCX เป็นผู้ทำธุรกรรมนี้ด้วยตนเองหรือไม่หรืออาจจะเป็นลูกค้าหรือหุ้นส่วนของบริษัทเป็นผู้กระทำก็ได้ซึ่งการทำธุรกรรมดังกล่าวอยู่ภายใต้การตรวจสอบจากผู้คนในสังคมคริปโตเพราะบริษัทเริ่มมีปัญหาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

สัปดาห์ที่ผ่านมาทางบริษัท QuadrigaCX ปิดให้บริการไปพร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ศาลสูง Nova Scotia ปกป้องบริษัทจากการฟ้องร้องของเจ้าหนี้ที่ทางบริษัทเป็นหนี้ลูกค้าของตนมูลค่ากว่า 190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ แต่ทางบริษัทก็ไม่สามารถรู้รหัส Private Key ของซีอีโอได้ทำให้ทางบริษัทไม่สามารถคืนคริปโตที่เก็บไว้ใน Cold Storage แก่ลูกค้าของตน

ต่อมาอีกหลายเดือนทางลูกค้าของบริษัทก็ร้องเรียนเกี่ยวกับการถอนเงินที่มีความล่าช้าทั้งการถอนคริปโตและเงินจริง แต่เมื่อดูจาก Ethereum Blockchain แล้วจะเห็นว่ามีใครบางคนที่สามารถเคลื่อนย้ายเงินจาก QuadrigaCX ได้ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาซึ่งในตอนนั้นทางบริษัทก็ไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นใด ๆ

นอกจากเหรียญ Ether ที่เก็บไว้กับทางบริษัท QuadrigaCX ก็มีสกุลเงินอื่น ๆ ที่ทางลูกค้าและผู้ใช้งานเก็บไว้กับทางบริษัทด้วยเช่นกันซึ่งพวกเขาพยายามหาที่อยู่วอลเล็ทของตนด้วย Blockchain ของ Bitcoin และ Litecoin แล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ดูเหมือนว่า Blockchain ของ Ethereum จะมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการหาที่อยู่วอลเล็ทของลูกค้าในกรณีนี้

ทั้งนี้ทางเว็บไซต์ Etherscan ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการค้นหา block ได้พบที่อยู่วอลเล็ทของ QuadrigaCX คือ address: 0x027BEEFcBaD782faF69FAD12DeE97Ed894c68549 เป็นวอลเล็ทของทางบริษัทที่บริษัทใช้ยืนยันตัวตน

ร่องรอยของการเคลื่อนย้ายเงิน

หลักฐานการเคลื่อนย้ายเงินของวอลเล็ทที่เป็นของบริษัท QuadrigaCX เริ่มเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2017 ซึ่งในวอลเล็ทยังไม่มีเงินอะไรอยู่เลยและถูกแบ่งออกเป็น 2 วอลเล็ท

วอลเล็ทแรกได้รับเหรียญ ETH 3,000 เหรียญ (มีมูลค่าประมาณ 825,000 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ ในตอนนั้น) ต่อมาในวันที่ 2 มิถุนายนปี 2017 อ้างอิงจากนาย Taylor Monahan ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทสตาร์ทอัพ MyCrypto เผยว่าวอลเล็ทนี้อาจจะเป็นวอลเล็ทของผู้ใช้งานซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากไปที่เว็บเทรดอื่น ๆ เช่น Bitfinex เพราะในบัญชีจะมีการฝากเงินเข้าวอลเล็ทเรื่อย ๆ จาก address ของ QuadrigaCX แล้วโอนไปยังเว็บเทรด Bitfinex

“เมื่อคุณฝากเงินเข้าเว็บเทรด คุณก็จะได้รับ address ที่เชื่อมต่อกับบัญชี exchange ของคุณ” จากคำอธิบายของนาย Monahan “ในเว็บเทรดหลาย ๆ แห่ง เมื่อคุณโอนเงินจากบัญชีนี้มันจะถูกบันทึกไว้ในฐานข้อมูลของเว็บเทรดโดยอัตโนมัติซึ่งข้อมูลจะแสดงไว้ใน balances/dashboard ของบัญชี Exchange จากนั้นเงินจะถูกโอนจาก address ที่เป็นเงินฝากส่วนบุคคลไปสู่ Hot Wallet ของบริษัท” โดยการทำธุรกรรมครั้งสุดท้ายในวอลเล็ทนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมปีที่แล้วซึ่งเป็นการโอนเหรียญ ETH 1,099 เหรียญไปที่ Bitfinex

อีกวอลเล็ทหนึ่งคือเป็นเงินที่ได้รับจาก address (0xB6AaC3b56FF818496B747EA57fCBe42A9aae6218) ดั้งเดิมของ QuadrigaCX ซึ่งระบุว่าเป็น Hot Wallet ของบริษัท อ้างอิงจากเอกสารของศาล

ก่อนหน้านี้ address ดังกล่าวคาดว่าจะเป็นของทางเว็บเทรด  QuadrigaCX เพราะมีการพูดถึงว่า address นี้มีรายการการถอนที่ค้างอยู่จำนวนมากในถูกร้องเรียนไว้ใน subreddit ของเว็บเทรดและใน Twitter thread รวมถึงมี address ก็เป็นที่มาหลักของการโอนเงินจำนวนมากที่เกิดขึ้นในเดือนธันวาคมปี 2018

การโอนเงินที่เกิดขึ้นในเดือนธันวาคม

ระหว่างวันที่ 2 ถึงวันที่ 7 ธันวาคม วอลเล็ทดังกล่าวมีการโอน ETH เป็นจำนวน 4,550 เหรียญไปสู่วอลเล็ทของเว็บเทรดอื่น ๆ ที่ QuadrigaCX เข้าไปทำธุรกรรมด้วย ในช่วงระยะเวลาเดียวกันนั้นวอลเล็ทดังกล่าวได้โอนเหรียญ ETH  4,550 เหรียญไปสู่วอลเล็ทอื่นซึ่งในตอนนี้กลับเป็นวอลเล็ทที่ว่างเปล่า ไม่มีการเหรียญคริปโตใด ๆ แล้ว ซึ่งโดยส่วนมากเป็น address เงินฝากไปที่ Binance การทำธุรกรรมก็จะเป็นลักษณะของการฝากเงินจาก address ของ QuadrigaCX ไปสู่ Binance

อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่เป็นที่ปรากฏชัดเจนว่าการโอนเงินดังกล่าวจาก QuadrigaCX ไปสู่ Binance นั้นเป็นการดำเนินการโดยลูกค้าที่โอนเหรียญ ETH จากเว็บเทรดอื่นหรือไม่ แต่ในหลาย ๆ กรณีเงินนั้นก็ถูกโอนจาก address ของวอลเล็ทนี้ไปยัง address ของวอลเล็ทอื่น

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นมีการโอนเหรียญ ETH 177 เหรียญจาก address เงินฝากไปที่ Bitfinex ในวันที่ 6 ธันวาคมและต่อมาในวันที่ 8 ธันวาคมเหรียญ ETH อีก 386 เหรียญก็ถูกโอนไปที่ Kraken โดยรวมแล้วในเดือนธันวาคมเหรียญ ETH มากกว่า 4,550 เหรียญถูกโอนจาก QuadrigaCX  ไปที่ Binance อีก 2,400 ETH ถูกโอนไปที่ Poloniex ส่วนอีก 1,609 ETH ถูกโอนไปที่ Bitfinex และ 883 ETH ถูกโอนไปที่ Kraken

จากกรณีดังกล่าวอาจเป็นไปได้ว่าการโอนครั้งใหญ่ในเดือนธันวาคมจากทาง QuadrigaCX เกิดขึ้นเพื่อที่จะแปลงเงินคริปโตเป็นเงิน Fiat เพื่อนำมาเป็นทุนสำหรับการดำเนินการของบริษัท ซึ่งบัญชีธนาคารของบริษัทถูกระงับเมื่อปีที่แล้วทำให้บริษัทไม่สามารถทำธุรกรรมใด ๆ กับเงินมูลค่ากว่า 22 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ ได้

“ไม่ว่าจะเป็นบิลค่าเซิร์ฟเวอร์หรือเจ้าหนี้บัตรเครดิตก็จำเป็นที่จะต้องใช้เงินสด ถ้าคุณมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีนักกับธนาคารคุณก็จะเป็นที่จะต้องหาทางอื่นเพื่อที่จะแปลงค่าเงิน มันไม่น่าแปลกใจที่ทาง QuadrigaCX จะใช้วิธีแปลงการโอนเหรียญ ETH หรือ BTC ไปยังเว็บเทรดอื่น ๆ เพื่อแปลงเป็นเงิน Fiat เพื่อนำเงินมาจ่ายค่าบิลต่าง ๆ” คุณ Monahan กล่าว

อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อสันนิษฐานอื่น ๆ ออกมาคือบริษัท Binance และ Poloniex ไม่ได้ให้บริการแปลงค่าเงินเป็นเงิน Fiat ในตอนนั้นที่มีการทำธุรกรรมขึ้น (ทาง Binance เองได้เปิดให้บริการแปลงเงิน Fiat เป็นคริปโตในเดือนมกราคมที่ผ่านมา) ดังนั้นในตอนนั้นหากโอนเงินคริปโตไปแปลงเป็นเงิน Fiat กับเว็บเทรดทั้งสองก็คงไม่มีประโยชน์ใด ๆ

แต่เหตุผลที่แท้จริงของการโอนเงินดังกล่าวก็ยังไม่เป็นที่ชัดเจน รวมถึงทาง Binance, Kraken, Poloniex และ Bitfinex ก็ไม่ได้ออกมาให้ความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับ addresses สำหรับเงินฝากดังกล่าว

Cold Storage อยู่ที่ใด

อีกหนึ่งคำถามที่น่าสงสัยก็คือ cold storage ใดที่ทาง QuadrigaCX เก็บเหรียญไว้แบบออฟไลน์ ซึ่ง Private Key ไม่ได้ถูกเชื่อมต่อไว้กับอุปกรณ์ใด ๆ ที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต

ในคำให้การของนาง Jennifer Robertson ซึ่งเป็นภรรยาของนาย Cotten ผู้เสียชีวิตเผยว่าทางบริษัทเก็บเหรียญไว้ใน Hot Wallet ที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตไว้จำนวนน้อยมาก ตามธรรมเนียมการปฏิบัติทางธุรกิจของบริษัทนั้นนาย Cotten จะเป็นผู้ย้ายเหรียญส่วนใหญ่ไปไว้ที่ Cold Storage ดังนั้นนาย Cotten จึงเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวในการจัดการเกี่ยวกับเงินและเหรียญนั้น อีกทั้งในตอนนี้ทางทีมงานก็ไม่สามารถเข้าถึง Cold Wallet ของบริษัทได้เลย

ทางผู้ตรวจสอบก็พยายามที่จะหา cold wallet ของบริษัทบน Blockchain แต่ก็หาไม่พบ ซึ่งนาง Monahan ก็สงสัยว่าทางบริษัทไม่ได้มี cold wallet ตามที่ได้บอกไว้อย่างน้อยก็ไม่ได้มี cold wallet ของ Ethereum แน่ ๆ

“ถ้าบริษัทไม่ได้มีการเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจากปีที่แล้ว ฉันก็คงจะแปลกใจที่ได้รู้เกี่ยวกับ address ของ Ether แตกต่างจากที่ฉันเคยได้เรียนรู้มา ทั้งนี้การทำธุรกรรมใหญ่ ๆ ของบริษัทจะเป็นการโอนเงินไปสู่เว็บเทรดอื่น ใน address หลัก ๆ 3 addresses นี้ สามารถดูได้จากลิ้งค์ที่ใส่ไว้ที่นี่ (1, 2, 3) ฉันไม่เคยเห็นอะไรที่บ่งบอกได้ว่าเป็นบัญชีเงินฝากหรือ cold storage บน  Ethereum chain เลย”

ทั้งหมดนี้อาจกล่าวได้ว่าวอลเล็ท ETH ของ QuadrigaCX อาจจะมีทีท่าไม่ดีนักสำหรับผู้ใช้งานที่ได้ฝากเงินทุนของพวกเขาไว้ที่บริษัทซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าเงินคริปโตได้ไหลไปสู่เว็บเทรดอื่น ๆ

ทางซีอีโอของ Kraken นาย Jesse Powell ได้แสดงความเห็นไว้ในทวิตเตอร์ว่าทางบริษัทของเขามี addresses ของวอลเล็ทที่เป็นของ QuadrigaCX ซึ่งทางทีมงานกำลังทำการตรวจสอบเรื่องราวที่แปลกประหลาดเกี่ยวกับการตายของซีอีโอและ Private Key ที่หายไปอยู่” และเขาก็ได้เสนอให้ความร่วมมือกับทางตำรวจของแคนาดาหากมีความจำเป็น

อ้างอิงจาก coindesk

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น