ปัจจุบันการซื้อของในรูปแบบออนไลน์กำลังเป็นที่นิยมในทุก ๆ ประเทศไม่ว่าจะเป็นที่สหรัฐฯ หรือในประเทศไทยเองก็ตาม
พฤติกรรมการซื้อของของคนในสมับนี้ไม่นิยมไปซื้อของในรูปแบบ Offline เท่าไรแล้วเพราะว่าต้องเสียค่าเดินทาง หรืออาจต้องจ่ายในราคาที่แพงกว่าการซื้อของบน Online เป็นไหน ๆ
เมื่อพฤติกรรมการบริโภคสินค้าเปลี่ยนไป ร้านค้าหลายร้านก็ต้องปรับตามเช่นกัน
ในสหรัฐฯ เริ่มมีการปิดตัวของห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ มากมาย เพราะพวกเขานั้นเชื่อมั่นว่าธุรกิจการขายของแบบ Offline นั้นยังสามารถขายได้อย่างแน่นอน และไม่เชื่อว่าธุรกิจออนไลน์หรือการขายของ Online นั้นจะมา Disrupt พวกเขาลงได้นั่นเอง
การมาของ Amazon ทำให้ธุรกิจการขายของแบบ Offline นั้นเริ่มตายเพราะหลายคนไม่ออกมาเดินห้างแล้ว และสามารถซื้อของได้ในราคาที่ถูกกว่า
ห้างร้านค้าเหล่านี้จึงจพเป็นที่จะต้องปรับตัวเองให้ทันโลกธุรกิจนี้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการรับชำระเงินในรูปแบบดิจิทัลต่าง ๆ เช่น Paypal QR Code และอย่างอื่น
รับชำระ Lightning Network
Lightning Network ได้รับการออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาการ Scaling ของ Bitcoin Lightning Network คือ Off-chain ที่อยู่นอกเครือข่ายของ Bitcoin โดย Chain ของมันจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อขายผ่าน P2P (Peer to Peer) โดยไม่ต้องผ่านบัญชีแยกประเภท
และเมื่อดำเนินการเสร็จแล้วข้อมูลจะไปถูกอัปเดตเองบนบัญชีแยกประเภท และด้วยกระบวนการนี้ทำให้ความจุของเครือข่ายเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก Lightning Network จึงทำให้การทำธุรกรรมนั้นเร็วขึ้นมากกว่าเครือข่ายหลักนั่นเอง
ข้อเสียก็มี
นอกจากข้อดีแล้วนั้น ขอเสียก็มีด้วยเช่นเช่นการดาวน์โหลด Node ของ LN เป็นกระบวนการที่ยาวนานและยากสำหรับคนที่ไม่มีความรู้ในเรื่องนี้เลย มันเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและน่าเบื่อ หรือการใช้กระเป๋าคริปโตอย่างเช่น Eclair หรือตัวอื่น ๆ ก็ยังเกิดปัญหาในการเชื่อมต่อ และผู้คนก็มักสูญเสียช่องทางที่จะทำการเชื่อมต่อกับกระเป๋า
และ Lightning Network ก็ยังอยู่ในช่วง Beta ยังไม่ได้ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ แต่ก็มีหลาย ๆ เจ้าเริ่มนำมันมาใช้แล้ว
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมามีรายงานการใช้ Lightning Network ในรูปแบบต่าง ๆ เช่นนำมาซื้อ Coke ที่ตู้ให้บริการอัตโนมัติ และในหลาย ๆ แอปฯ ก็เริ่มใช้ Lightning Network ในการทำธุรกรรม
ล่าสุดร้านค้าปลีกก็เริ่มที่จะนำ Lightning Network มาใช้ในการทำธุรกรรมกันแล้ว โดยพวกเขาตัดสินใจเลิกใช้ Visa ในการชำระเงินและหันมาใช้ การชำระเงินในรูปแบบดิจิทัลแทนทั้งสิ้น
ค่าธรรมเนียมที่สูง
ปัจจุบันการชำระเงินที่ได้รับความนิยมก็คือการชำระด้วยเงินสด แต่ถ้าไม่มีเงินสดก็คงเป็นบัตรเครดิตอย่าง Visa แน่นอน
ซึ่ง Visa นั้นได้รับความนิยมในการชำระเงินเป็นอย่างมากเพราะมันสามารถใช้ได้ แทบจะทั้งโลก แต่คุณก็ต้องแลกกับค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมด้วยเช่นกัน
และด้วยค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นจึงทำให้หลาย ๆ คนเริ่มหาตัวเลือกอื่นในการทำธุรกรรม ไม่ว่าจะเป็นสกุลเงินดิจิทัลต่าง ๆ เช่น Bitcoin หรือ Ripple ที่ใช้เหรียญ XRP นั่นเองเพราะมันเร็วและค่าธรรมเนียมที่ถูกมาก
รายงานที่ผ่านมาระบุว่าบริษัทผู้ค้าปลีกยักษ์ใหญ่ Kroger ประกาศเลิกใช้บัตรเครดิต Visa ในร้านอาหารและยานามว่า Smith ภายหลังจากนั้นนาย Anthony Pompliano ก็ได้ออกมาทวิตข้อเสนอให้พวกเขาหันมารับ Bitcoin ผ่านระบบ Lightning Network โดยเขากล่าวว่า:
“Visa นั้นได้ใช้อำนาจแบบผิด ๆ และชาร์จค่าธรรมเนียมส่วนเกินกับร้านค้าปลีกมาเป็นเวลานานแล้ว”
นอกจาก Lightning Network ก็ยังคงมี Ripple ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินดิจิทัลอีกด้วย ที่น่าสนใจคือ แฟน ๆ ของ Ripple นั้นรีบเข้ามาเสนอหนทางที่ดีกว่า Bitcoin โดยตั้งคำถามถึงความพร้อมของ Lightning Network และกล่าวว่า XRP นั้นเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าอีกด้วย
อนาคต
ในอนาคตเราอาจได้เห็นร้านค้าทั่วไปรับชำระเงินด้วย Lightning Network ของ Bitcoin แทนการชำระเงินด้วยบัตร Visa หรือ MasterCard ก็เป็นได้ เพราะว่ามันสามารถลดค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรม
และประชาชนทั่วไปอาจซื้อของได้อย่างง่ายขึ้นและรวดเร็วผ่าน Lightning Network อีกด้วย
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น