ตลาดของ Bitcoin และ สกุลเงินคริปโตอื่นๆนั้นได้อยู่ในแวดวงเดียวกันมาเป็นช่วงเวลาพอสมควรแล้ว โดยมี Bitcoin ในฐานะที่เป็นสกุลเงินดิจิทัลบนฐานของเทคโนโลยี Blockchain ตัวแรก และยังมีส่วนแบ่งหลักของตลาดกว่า 50% อยู่ในมือตั้งแต่ในปี 2018 เป็นผู้ควบคุมทิศทางของตลาดสกุลเงินคริปโตทั้งหลาย
อย่างไรก็ตามนาย Vinny Lingham นักวิเคราะห์และผู้บริหารของบริษัท Civickey ได้ออกมากล่าวถึงประเด็นด้านการเปลี่ยนแปลงส่วนแบ่งของตลาดว่า
“มันเป็นเรื่องง่ายที่จะพูดถึงราคาของ Bitcoin ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด มากน้อยแค่ไหน แต่ปัญหาก็คือ ในขณะที่ราคานั้นได้เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆนั้น พวกเรากลับไม่เห็นส่วนแบ่งตลาดดังกล่าวเพิ่มขึ้นไปด้วยเลย”
การแยก Bitcoin ออกจากตลาดสกุลเงินคริปโตอื่นๆ
ในช่วงก่อนตลาดขาขึ้นปี 2017 นั้น ปริมาณส่วนแบ่งตลาดของ Bitcoin นั้นเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยมีอัตราส่วนที่เปลี่ยนแปลงจากอัตรสูงสุดที่ 85% ของตลาดลงไปสู่จุดต่ำสุดเพียง 32.5% เท่านั้น ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้สกุลเงินคริปโตอื่นในตลาดมีส่วนแบ่งที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
นอกจากจากนี้ทั้ง Bitcoin (BTC) และสกุลเงินหลักของตลาดคริปโตอย่างเช่น Ethereum (ETH) และ EOS (EOS) ยังคงอยู่ในขั้นพัฒนาอยู่ อีกทั้งยังมีประเด็นที่มีเพียง Bitcoin และสกุลเงินคริปโตหลักๆเท่านั้นที่ได้รับการสนับสนุน และร่วมพัฒนาการจัดการดูแลจากเหล่าสถาบันและองค์กรต่างๆในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งองค์กรเหล่านี้จะไม่สนใจโครงการสกุลเงินคริปโตอื่นๆในตลาดเลย นอกจากมูลค่าทางจิตใจที่เกิดขึ้นในตลาดดังกล่าวในฐานะที่เป็นข้อมูลอย่างหนึ่งเท่านั้น
จุดบอดที่สำคัญที่สุดในตลาดสกุลเงินคริปโตทั้งหลายนี้คือการที่เหล่าเหรียญคริปโตนั้นมีมากจนเกินไป ซึ่งเหรียญส่วนใหญ่นั้นมักจะเป็นเหรียญที่ไม่มีทิศทางของตัวเองและยังอาศัยเพียงทิศทางของตลาดอย่างเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่จะถูกเทขายได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
ในปี 2017 หลังจากที่ได้มีการ Hard Fork จนเกิด Bitcoin Cash ขึ้นมานั้น ยังได้มีการ Hard Fork ตามมาอีกไม่น้อยกว่า 20 ครั้ง และในปัจจุบันนี้ได้มีประเด็นเกี่ยวกับการ Hard Fork ครั้งสำคัญขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งเป็นกรณีของเหรียญ Bitcoin SV ซึ่งได้มีการพูดถึงในแง่ลบเป็นอย่างมาก อีกทั้ง Exchange ชื่อดังอย่าง Binance, Shapeshift และ Kraken ยังได้ทำการถอดเหรียญดังกล่าวออกจาก Exchange ของพวกเขาแล้วด้วยเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้นาย Tyler Winklevoss ผู้ก่อตั้ง Gemini Trust ยังได้ออกมาให้ความเห้นในประเด็นดังกล่าวอีกด้วยว่าทางบริษัทก็ไม่ได้ขึ้นรายการเหรียญ Bitcoin SV ไว้ตั้งแต่แรกแล้วด้วยเช่นเดียวกัน
เมื่อมองในภาพรวมแล้วจะพบว่าในตลาดคริปโตนั้นมีโครงการสกุลเงินคริปโตกว่า 200 โครงการตามข้อมูลจาก Coinmarketcap ซึ่งมักจะไม่ถูกซื้อขายบน Exchange แต่เป็นการซื้อขายโดยมี Bitcoin เป็นคู่สกุลเงินแทน ดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องจัดการกับตลาดสกุลเงินคริปโตเหล่านี้ โดยอาศัยทั้งตัวกฎเกณฑ์จากรัฐบาลเอง และอิทธิพลจากตลาดอย่างเช่นการถอดรายชื่อออก รวมทั้งความเห็นของผู้คนในวงการร่วมด้วย เป็นต้น
ผู้ใช้และนักเทรดชื่อดังใน Twitter รายหนึ่งชื่อ ‘Bitcoin Macro’ ยังได้ออกมากล่าวในแนวทางดังกล่าวอีกด้วยว่า
“จนกว่าเหล่าขยะจะถูกกำจัดไปจากตลาด สภาวะตลาดขาลงนั้นก็จะยังไม่เปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน”
ที่มา : coingape
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น