<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารแห่งอังกฤษกล่าว ‘Bitcoin มีโอกาสที่จะมาแทนที่เงินสดได้’

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

อย่างที่ทราบกันดีว่า กระแส Bitcoin นั้นรุนแรงไปทั่วโลกในปี 2017 ที่นักลงทุนหน้าใหม่จำนวนมากต่างเข้ามาลงทุนกันเพราะคิดว่ามันคืออนาคต แต่ราคาของมันก็ดิ่งลงอย่างรวดเร็วในปี 2019 ซึ่งติดลบมากกว่า 85 เปอร์เซ็นต์จากจุดสูงสุดจนหลาย ๆ คนคิดว่ามันตายไปแล้ว แต่ในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มันก็ได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งด้วยการมีมูลค่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกว่า 135 เปอร์เซ็นต์

นาย Andrew G Haldane หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ (Bank of England) กล่าวว่า Bitcoin นั้นกำลังแทนที่เงินสดอยู่อย่างช้า ๆ เขาได้ชี้ว่า กล่าวอย่างเชื่อมั่นว่า ในปี 20 หรือ 30 ปีข้างหน้า Bitcoin นั้นจะได้รับความเชื่อมั่นและนิยมในระดับเดียวกับเงินสด

ผู้ใช้ Reddit คนหนึ่งที่ฟังเขาบรรยายได้นำมาแชร์ในชุมชน Reddit ว่า:

“นาย Haldane ได้กล่าวว่า Bitcoin จะสามารถมาแทนที่เงินสดได้ เขาหยอกล้อด้วยว่า พวกเราก็น่าจะมี Bitcoin อยู่ใน Wallet กันอยู่แล้ว เขาไม่เชื่อว่ามันจะสามารถแทนที่เงินสดได้เลยในวันพรุ่งนี้ แต่ในอีก 20 ถึง 30 ปีนั้นมีโอกาสเป็นไปได้ที่จะมาแทนที่ เขาคุ้นเคยและมีความรู้เกี่ยวกับ Cryptocurrency ดี และกล่าวขำ ๆ ว่า มันมีเป็นพัน ๆ สกุลแล้ว”

ความยากลำบากก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม คำพูดล่าสุดของเขานั้นค่อนข้างขัดแย้งกับที่เขาเคยพูดก่อนหน้านี้ ในเดือนมีนาคม 2018 เขาเคยออกมาเตือนนักลงทุนเกี่ยวกับความอันตรายในการลงทุนใน Cryptocurrency และยังชี้ด้วยว่า BItcoin นั้นไม่ได้เป็นพิษภัยอะไรเลยกับระบบธนาคาร โดยให้เหตุผลว่า มันไม่สามารถ Scale ได้ และยังมีมูลค่าทั้งหมดไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ของเงินทั้งโลกด้วยซ้ำ

ในช่วงมีนาคม 2018 นั้นเป็นช่วงที่ตลาดคริปโตกำลัง Panic อย่างหนัก เนื่องจากราคาของทุก ๆ เหรียญร่วงลงอย่างรุนแรงหมด จนทำให้เหรียญเช่น Bitcoin ก็มีมูลค่าลดลงไปกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ในช่วงระหว่างเดือนมกราคมและมีนาคม ในสิ้นไตรมาสแรกของปี 2018 Bitcoin มีราคาที่ 5,873 ดอลลาร์ และราคาของมันร่วงลงไปถึง 3,100 ดอลลาร์ ในช่วงเดือนธันวาคม 2018

ขาลงในปี 2018 นั้นไม่ได้ส่งผลกระทบแค่เพียงนักลงทุน แต่มันยังส่งผลต่อบริษัท และโปรเจกต์ต่าง ๆ ในวงการคริปโตด้วย ทำให้ต้องมีการไล่พนักงาน และปิดสาขากันเต็มไปหมด, นักต้มตุ๋นย้ายไปวงการอื่นเพราะไม่มีคนลงทุนแล้ว, นักเก็งกำไรและนักลงทุนถอนเงินไปเล่นตลาดอื่นเพราะคิดว่าตลาดคริปโตตายแล้ว และนักวิเคราะห์เองก็ได้แต่นั่งงงในการทำนายราคาของ Bitcoin ที่ผิดพลาดของเขา เหลือเพียงแต่ผู้ที่ศรัทธาจริง ๆ เท่านั้นที่ยังคงก้มหน้าก้มตาพัฒนา Protocol ของ Bitcoin ต่อไป เพื่อให้มันกลายเป็นที่ยอมรับอย่างแท้จริง

ทิศทางตลาดที่เปลี่ยนไป

การที่ตลาดคริปโตเริ่มกลับเป็นขาขึ้นนั้นได้ทำให้ผู้ที่เคยสงสัยใน Bitcoin เช่นนาย Haldane ได้เห็นถึงศักยภาพในระยะยาวของมัน เมื่อเดือนต้นมีนาคมที่ผ่านมา นาย Niall Ferguson นักเศรษฐศาสตร์ระดับโลกก็ได้เปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับ Bitcoin:

“ผมผิดไปแล้ว ผิดที่คิดว่า สกุลเงินที่ทำงานบนเทคโนโลยี Blockchain ไม่สามารถใช้งานจริงได้”

อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงมีผู้คนที่ไม่เชื่อในตัว Bitcoin อยู่ดี ถึงแม้มันจะพิสูจน์ตัวเองมานานกว่า 10 ปีแล้วก็ตามอย่างเช่นนาย Warren Buffet นักลงทุนระดับตำนานที่คิดว่า Bitcoin นั้นเป็นแชร์ลูกโซ่ (Ponzi Scheme), นาย Joseph Stiglitz ผู้ที่ได้รางวัลโนเบล เชื่อว่าควรจะทำให้มันผิดกฎหมายทั่วโลกไปเลย และนาย Nouriel Roubini นักเศรษฐศาสตร์ที่เคยทำนายวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 2008 ก็ได้กล่าวว่า Bitcoin เป็น ‘ต้นต้อของแหล่งหลอกลวงต้มตุ๋น’ เช่นกัน

แต่จุดที่น่าสนใจคือ ความไม่ไว้วางใจและสงสัยของนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญชื่อดังนั้นก็ไม่ได้หยุดให้บริษัทต่าง ๆ ใน Wall Street เข้าไปสนับสนุน Bitcoin เลย เช่น Fidelity Investments บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการลงทุนได้ประกาศว่า จะเปิดให้ลูกค้าระดับสถาบันสามารถเทรด Bitcoin ผ่านพวกเขาไดด้ และ TD Ameritrade บริษัทด้านการลงทุนในสหรัฐฯ ก็ได้พยายามที่จะให้บริการแบบเดียวกัน โดยให้เหตุผลรองรับว่า นักลงทุนยินดีที่จะเข้าไปสำรวจโอกาสใหม่ ๆ ในวงการคริปโต

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น