บริษัท Crypterium นั้นเป็นหนึ่งในบริษัทด้านเทคโนโลยีทางการเงินหน้าใหม่สัญชาติเอสโตเนีย ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ทางบริษัทได้เปิดตัวบัตรคริปโตซึ่งสามารถใช้งานได้ทั่วโลกแล้วนะนี้ โดยมีนาย Steven Parker ซึ่งเคยเป็นผู้จัดการของบริษท Visa ยุโรป นั่งแท่นเป็นประธานบริหาร โดยบริษัทดังกล่าวมีวิสัยทัศน์ที่ต้องการทำให้สกุลเงินคริปโตนั้นมีสถาพคล่องเช่นเดียวกับเงินสด ผ่านโครงการทั้งสองของบริษัทนั่นเอง
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้บริษัทด้านคริปโตชื่อดังอย่าง Coinbase ได้มีการให้บริการบัตรคริปโตในชื่อ Coinbase Card ด้วยเช่นเดียวกัน โดยบัตรของทางบริษัทจะสามารถใช้ได้อย่างจำกัดในกลุ่มประเทศบางกลุ่มเท่านั้น ซึ่งเร็วๆนี้ทางบริษัทได้เปิดให้บริการเพิ่มเติมสำหรับประเทศในโซนยุโรปกว่า 6 ประเทศ
ในการดำเนินการดังกล่าวของ Crypterium ทางบริษัทได้มีความเชื่อว่าบัตรคริปโตนั้นเป็นช่องทางที่สะดวกและรวดเร็วที่สุดสำหรับผู้ถือเหรียญคริปโตในการใช้งานสกุลเงินดิจิทัลของพวกเขา แต่ทั้งนี้ก็ยังได้เล็งเห็นถึงปัญหาที่ว่ามันอาจเป็นทางเลือกที่จำกัดและขึ้นอยู่กับผู้ฝช้มากเกินไปสำหรับการใช้งานในตลาดระดับโลก
นอกจากนี้ทางบริษัทยังได้ย้ำถึงจุดยืนที่บัตรคริปโตของพวกเขานั้นผู้คนทุกมุมโลกสามารถเป็นเจ้าของได้อย่างง่ายดาย โดยบริษัทได้มีนโยบายซึ่งได้ประกาศบนเว็บไซต์ว่า “ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนบนโลก บัตรของเราจะส่งตรงไปยังหน้าบ้านคุณอย่างแน่นอน” โดยทางบริษัทยังได้ออกมากล่าวถึงรายละเอียดว่าการขนส่งนั้นใช้เวลาเพียงสามวันเท่านั้น
บริษัทได้ดำเนินการทดสอบระบบการใช้จ่ายดังกล่าวแล้วกับผู้ใช้งานชาวเอสโตเนียแล้วกว่า 5,000 ราย อีกทั้งนาง Siranush Sharoyan ผู้แทนของบริษัทยังได้ออกมากล่าวว่าทางฝ่ายพัฒนาของบริษัทยังได้ทำการทดสอบการใช้งานในระหว่างการเดินทางไปแต่ละประเทศทั่วโลกเพื่อซื้อสินค้าและบริการโดยใช้เหรียญ Bitcoin, Ethereum, Litecoin ทั้งในโซนยุโรป อเมริกาและเอเชีย
นาง Siranush Sharoyan ยังได้ออกมากล่าวเพิ่มเติมถึงความสนใจของผู้ใช้ในแต่ละประเทศนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มประเทศที่ระบบการธนาคารยังไม่พัฒนาอย่างสมบูรณ์เช่นประเทศในโซนแอฟฟริกาใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การใช้งานบัตรดังกล่าวผู้ใช้ต้องมีการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่นของบริษัทคือ Crypterium App โดยได้มีผู้ใช้งานแล้วในโซนประเทศอเมริกาและสหราชอาณาจักรแล้วกว่า 500,000 คน โดยผู้ใ้งานนั้นจำเป็นต้องทำการยืนยันตัวตนโดยใช้หนังสือเดินทาง บัตรประจำตัวประชาชนหรือใบขับขี่ อีกทั้งยังต้องแสดงหลักฐานการอยู่อาศัยในพื้นที่นั้นๆอีกด้วย
ทางบริษัทไม่มีนโยบายในการเก็บค่าธรรมเนียมในการใช้บัตรเพื่อซื้อสินค้าและบริการแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้การนำเงินเข้าสู่บัญชีนั้นผู้ใช้งานต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 1.5% โดยได้มีวงเงินในการใช้งานอย่างจำกัด 10,000 ดอลลาร์ต่อวัน และ 60,000 ต่อเดือน
ในประเด็นของกฎหมายนั้นทางบริษัทได้ออกมากล่าวว่าการดำเนินการนั้นเป็นไปตามกฎหมายของสหราชอาณาจักรและประเทศเอสโตเนียอย่างแน่นอน โดยบริษัทได้ดำเนินการออกบัตรแก่ผู้ใช้งานโดยมีใบอนุญาติของธนาคารที่ร่วมมือกับบริษัท แม้ว่าบริษัทจะไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อของธนาคารที่บริษัทมีความร่วมมือด้วยได้ แต่ได้ออกมายืนยันว่าเป็นสถาบันการเงินที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งการดำเนินการนั้นถูกต้องตามกฎหมายทั้งในพื้นที่ และนอกพื้นที่อย่างเช่นโซนยุโรปและสหราชอาณาจักรแน่นอน
นอกจากนี้แล้วทางบริษัทยังได้กล่าวในเว็บไซต์ของพวกเขาว่าบัตรคริปโตนั้นเป็นบัตรเครดิตประเภทที่จะต้องนำเงินเข้าสู่บัตรก่อนการใช้งาน และบัตรดังกล่าวให้บริการโดยบริษัท Union Pay ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านเครดิตและเดบิตระดับโลก โดยบัตรดังกล่าวสามารถใช้ได้กับทุกร้านค้าซึ่งรับรอง Union Pay ในกว่า 175 ประเทศทั่วโลก
ทั้งนี้นาย Matias Lapuschin ผู้แทนของบริษัทยังได้ออกมากล่าวถึงเหตุผลเบื้องหลังการเลือกใช้ผู้ให้บริการดังกล่าวว่า
“เป็นผู้ให้บริการรายเดียวที่ให้บริการได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในโลก..ซึ่งสิ่งนี้ตอบสนองต่อการดำเนินการของพวกเราที่ต้องการจะเข้าถึงผู้ใช้บริการในโซนพื้นที่ซึ่งถูกละเลยจากตลาดบัตรเครดิต”
อีกทั้งเมื่อไม่นานมานี้ทางบริษัทยังได้มีความร่วมมือกับกว่า 300 ร้านค้าออนไลน์หลังจากได้มีการพัฒนาระบบการชำระเงินโดยใช้ QR code ในกลุ่มประเทศโซนยุโรปตะวันออกอีกด้วย
ทางบริษัทได้รับเงินกว่า 1 ล้านดอลลาร์สำหรับการเปิดให้มีการลงทุนใน Series A , 7 ล้านดอลลาร์สำหรับการเปิดให้ลงทุนใน Series B ในปี 2015 และกว่า 51 ล้านดอลลาร์ในการเปิด ICO ของบริษัทในปี 2017 ซึ่งการดำเนินการทั้งหลายนั้นได้รับการสนับสนุนจากบริษัทชื่อดังอย่าง KPMG และ H2 Venture
บริษัท Crypterium นั้นได้มองเห็นถึงการที่ผู้คนในกลุ่มประเทศที่ยอมรับสกุลเงินคริปโตในฐานะหนึ่งในสกุลเงินนั้นกลับมีการพัฒนาด้านบริการทางการเงินที่ล้าหลัง โดยนาย Lapuschin ได้กล่าวว่า
“ผู้ให้บริการบัตรคริปโตส่วนใหญ่นั้นมุ่งเป้าไปที่ตลาดในประเทศพัฒนาแล้ว โดยละเลยผู้ใช้งานในประเทศอื่นๆเช่นเวเนซุเอลา บราซิล อินเดีย เกาหลีใต้และประเทศอื่นๆ ซึ่ง Crypterium Card ได้มีเป้าหมายที่จะให้บริการด้านการเงินและสกุลเงินคริปโตแก่ที่ครอบคลุมมากขึ้นนั่นเอง ”
สำหรับแผนการในเร็วๆนี้ของทางบริษัทนั้น ทาง Crypterium นั้นต้องการที่จะเพิ่มเติมสกุลเงินคริปโตอื่นๆที่สามารถให้สามารถใช้งานบัตรของพวกเขาได้ โดยจำกัดไว้ที่สกุลเงินหลักๆของตลาด และยังได้มองหาบริษัทอื่นๆที่ต้องการร่วมโปรโมทการใช้งานบัตรดังกล่าว ผ่านความร่วมมือทางด้านการตลาดเพื่อสร้างรูปแบบผลิตภัณฑ์สำหรับพื้นที่นั้นๆโดยเฉพาะนั่นเอง
ที่มา : coindesk
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น