<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

รัฐบาลสหรัฐฯ หารือวิธีป้องกันไม่ให้บริษัทด้านเทคโนโลยีในประเทศออกเหรียญคริปโตเอง

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ทางผู้ออกกฎหมายในสหรัฐฯ กำลังหารือถึงข้อกฎหมายที่จะถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทใหญ่ ๆ ในประเทศนั้นสามารถออกเหรียญ cryptocurrency เป็นของตัวเองได้

โดยอ้างอิงจากรายงานของรอยเตอร์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และรวมถึงเอกสารที่ถูกเผยแพร่ออนไลน์โดย House of Representatives ของรัฐบาลสหรัฐฯ เผยให้เห็นถึงขั้นตอนในการเตรียมการป้องกันบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ในประเทศในการออกเหรียญ cryptocurrency แล้ว

โดยในหัวข้อที่เขียนว่า “การห้ามใช้เหรียญ cryptocurrency ที่เกี่ยวข้อง” นั้น ร่างดังกล่าวเรียกมันว่า “ข้อกฎหมายว่าด้วยอย่าให้บริษัทด้านเทคโนโลยีใหญ่ ๆ เข้ามายุ่งกับเรื่องการเงิน” เผยว่า

“แพลทฟอร์มด้านประโยชน์ใช้สอยนั้นจะต้องไม่สร้าง, รักษา หรือเปิดใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนแบบแพร่หลาย, หน่วยของบัญชี, ตัวเก็บมูลค่า, หรือฟังค์ชันที่ใกล้เคียงกันอื่น ๆ ตามที่ได้แจ้งไว้แล้วโดยบอร์ดของผู้บริหารของ Federal Reserve System”

ร่างดังกล่าวนั้นได้เรียกสินทรัพย์ดิจิทัลว่า “เป็นสินทรัพย์ที่ถูกออกและเคลื่อนย้ายโดยใช้ระบบ distributed ledger หรือว่าเทคโนโลยี blockchain ซึ่งประกอบไปด้วยสิ่งที่เรียกว่า ‘เหรียญ virtual currencies,”coins,’ และ ‘tokens'”

นอกจากนี้ยังมีการกำหนดอย่างชัดเจนว่าบริษัทด้านเทคโนโลยีที่มีรายได้สุทธิที่มากกว่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปีอาจจะต้องตกอยู่ในเงื่อนไขกฎหมายดังกล่าว และจะต้องถูกปรับ “ไม่เกิน 1 ล้านดอลลาร์ต่อวัน หากมีการฝ่าฝืน”

อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายดังกล่าวนั้นยังอยู่ในช่วงถกเถียงและหารืออยู่เท่านั้น แต่ก็ยังไม่ถูกยื่นพิจารณาอย่างเป็นทางการ โดยรายงานดังกล่าวนั้นมีขึ้นไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ทาง Facebook ออกมาประกาศเปิดตัวเหรียญคริปโต Libra ของพวกเขาเป็นครั้งแรก อีกทั้ง Facebook ยังมีรายได้สุทธิที่ 5.5 หมื่นล้านเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมาอีกด้วย

ก่อนหน้านี้ผู้ออกกฎหมายทั่วโลกได้ออกมาตื่นตัวเกี่ยวกับแผนการในการออกเหรียญคริปโตของ Facebook ว่าจะยังคงอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลหรือไม่

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับ cryptocurrency เป็นครั้งแรกของเขา โดยส่วนหนึ่งนั้นมีการพาดพิงและวิจารณ์โปรเจ็ค Libra ของ Facebook อีกด้วย

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น