<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

CTO ของ Ripple แนะ Amazon และ Uber ควรนำเหรียญ XRP มาใช้งาน

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ณ การประชุมระดับโลกของเหล่านักพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินอย่าง WeAreDevelopers ในเมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมณี นาย David Schwartz หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีของบริษัท Ripple ได้มีการกล่าวถึงการดำเนินการต่างๆของบริษัทไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกับเหล่าธนาคารหรือสถาบันทางการเงินในการพัฒนาระบบการโอนเงินระหว่างประเทศ

ทั้งนี้นาย David Schwartz ยังได้ออกมากล่าวถึงประโยชน์อักมากจากการที่เหล่าบริษัทอื่นๆนั้นจะได้รับจากการนำสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเหรียญ XRP ไปใช้งาน โดยยกตัวอย่างถึงกรณี Uber และ Amazon ซึ่งพวกเขาสามารถที่จะจ่ายเงินเดือนพนักงานที่มีอยู่ทั่วโลกโดยไม่จำเป็นต้องถือเงินแต่ละสกุลไว้ในธนาคารของแต่ละประเทศ โดยเค้าได้กล่าวในรายละเอียดว่า

“ไม่ว่าจะเป็นบริษัทอย่าง Seagate, Amazon,Airbnb หรือ Uber ก็ตาม ทุกบริษัทเหล่านี้ล้วนมีการดำเนินธุรกรรมจำนวนมหาศาลซึ่งแต่ละธุรกรรมนั้นมีมูลค่าไม่มากนัก เช่นการที่ Amazon นั้นต้องทำการจ่ายเงินให้แก่เหล่าผู้ค้าขายจำนวนหลายพันราย หรือในกรณีของ Uber ในประเทศฟิลิปปินส์ เหล่าคนขับทั้งหลายนั้นต่างก็ต้องการที่จะได้รับเงินภายในทันทีหลังจากการทำงานแก่บริษัท

อย่างไรก็ตามการดำเนินการดังกล่าวนั้นพวกเขาต้องอาศัยระบบการทำธุรกรรมที่มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือ ในปัจจุบันนี้แต่ละบริษัทนั้นต่างต้องจ้างพนักงานหลายร้อยคนเพื่อทำงานในแผนกเฉพาะสำหรับการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งมันคงจะดีหากมีนักธุรกิจหัวใสตั้งบริษัทในการดำเนินการดังกล่าวแทนพวกเขา แต่ในความเป็นจริงแล้วมันก็เป็นไปได้ยากหรือแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”

ทั้งนี้เค้ายังได้กล่าวย้ำถึงจุดยืนของ XRP ว่าเป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับการเปลี่ยนแปลงวงการการดำเนินธุรกรรมมากที่สุดเนื่องจากความสะดวกรวดเร็วและอัตราค่าธรรมเนียมที่ต่ำ โดยได้อธิบายไว้ดังนี้

“เราได้ผุดไอเดียซึ่งอาจเรียกมันได้ว่าเป็นรูปแบบการให้ความตกลงร่วมกันในชื่อ federated Byzantine หรือที่เราเรียกมันว่า Consensus โดยรูปแบบการดำเนินการดังกล่าวของ Blockchain นี้มีความสะดวกรวดเร็วและต้นทุนที่ต่ำกว่าระบบ Proof-of-Work อย่างมาก

ดังนั้นเหรียญ XRP จึงเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งไม่อาศัยการควบคุมจากส่วนกลาง ไม่ผูกติดอยู่กับประเทศใดประเทศหนึ่ง และสามารถหมุนเวียนในระบบโดยมีต้นทุนที่ต่ำและรวดเร็วกว่า Bitcoin อีกด้วย

นอกจกานี้ผมยังอยากที่จะย้ำอีกครั้งว่า XRP นั้นมีโอกาสที่จะถูกปกปิดคัดกรองจากรัฐบาลหรือองค์กรอื่นๆได้น้อยกว่า และยังมีคุณสมบัติของการปราศจากรวมศูนย์ที่พวกเราต้องการอีกด้วย ส่งผลให้การดำเนินการของ XRP นั้นมีราคาที่ถูกและสามารถดำเนินการได้ในปริมาณมากๆโดยไม่ประสบปัญหาการติดขัดในระบบแต่อย่างใด”

“ทาง Ripple นั้นสร้างระบบเครือข่ายการชำระเงินของเหล่างองค์กรธุรกิจบนหลักการสำคัญซึ่งประกอบไปด้วยสินค้าหลักอยู่สามอย่าง กล่าวคือ (1) การดำเนินการชำระเงินได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว (2) การเป็นช่องการในการดำเนินการชำระเงิน (3) การให้บริการสภาพคล่องที่สามารถตอบโจทย์ของลูกค้าได้

อย่างที่สามารถเห็นได้ในปัจจุบัน xCurrent นั้นได้ถูกนำไปใช้ในการรับและส่งของการชำระเงิน xVia นั้นใช้ในการดำเนินการชำระเงิน และ xRapid นั้นถูกใช้ในการให้บริการด้านสภาพคล่องระหว่างประเทศ เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนี้เป็นการดำเนินการที่เชื่อมโยงกันในแต่ละจุดซึ่งไม่ได้มีการรวมกันไว้ที่ส่วนกลางอย่าง SWIFT หรือ PAYPAL 

ระบบดังกล่าวนี้จึงเป็นระบบซึ่งปราศจากการกำกับควบคุมโดยส่วนกลางอีกทั้งยังเป็นระบบที่มีการร่วมมือกับเหล่าสถาบันการเงินในรูปแบบต่างๆสำหรับการดำเนินธุรกรรมระหว่างกันผ่านระบบ (Protocol) ซึ่งไม่มีการรวมการควบคุมไว้ที่จุดเดียวอีกด้วย” 

ทั้งนี้เขายังได้ชี้ให้เห็นว่าสิ่งที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการขยายการดำเนินการของ Ripple ในวงกว้างคือเหล่ากฎเกณฑ์จากฝั่งรัฐบาลและการให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป ทั้งนี้ในปัจจุบัน Ripple ได้มีลูกค้ากว่า 200 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสถาบันการเงินและธนาคารพาณิชย์ ซึ่งใช้งาน xCurrent ในการดำเนินระบบการชำระเงิน และอีกกว่า 20 รายใช้ xRapid ในการดำเนินระบบรการชำระเงินระหว่างประเทศ โดยเค้าได้กล่าวไว้ในงานว่า

“ปัญหาใหญ่ที่ขวางทางพวกเราคือเหล่ากฎเกณฑ์การกำกับดูแลในปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้เหล่าธุรกิจทั้งหลายยังไม่พร้อมที่จะใช้ระบบซึ่งไม่มีคนกลาง (Trustless) โดยมีกลไกเป็นอัลกริทึ่มทางคณิตศาสตร์ อีกทั้งพวกเขายังคงมีลูกค้าซึ่งเคยถูกโจรกรรมข้อมูลและต้องการดำเนินการทางศาลอีกด้วย 

ในการนี้สิ่งที่เราต้องทำเพื่อเป็นการปฏิวัติวงการด้านการเงินนี้คือการที่เราต้องระบุกฎเกณฑ์ที่มีความชัดเจนแน่นอนเพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินการต่อรองโดยอาศัยฐานดังกล่าวซึ่งมีความกระชับและครอบคลุม ดีกว่าการที่เหล่าบริษัทนั้นๆต้องมานั่งร่างสัญญานับสิบหน้ากระดาษเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้

ณ ปัจจุบันนี้ กลุ่มลูกค้าทั้งหลายของเราต่างได้ปรับใช้สินทรัพย์ดิจิทัลของพวกเราเมื่อมันเหมาะกับดารดำเนินการนั้นๆ สลับกับการใช้งานวิธีการดั้งเดิมตามแต่เหตุการณ์และความเหมาะสม ทั้งนี้พวกเขานั้นประทับใจสิทธิประโยชน์ที่พวกเขาได้รับจากการดำเนินการผ่านระบบของพวกเราซึ่งเกิดจากความหลากหลายที่ลูกค้าสามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการ เราคิดว่าเหล่าสินทรัพย์ดิจิทัลและระบบการชำระเงินแบบ InterLedger นั้นจะทำให้อนาคตแห่ง Internet Of Value นั้นเป็นจริงขึ้นมาได้นั่นเอง”

ที่มา : DailyhodI

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น