บริษัท Tether Holdings ผู้เป็นเจ้าของเหรียญ USDT ที่หลายคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดีกำลังวางแผนที่จะเปิดตัวเงินหยวนของจีนโดยใช้เรียกว่า CNHT ซึ่งพวกเขาคาดหวังว่ามันจะเหมือนกับตอนที่เปิด USDT ที่ทำให้คนในวงการคริปโตต่างใช้กันและเชื่อว่าหากเปิดตัวเหรียญ CNHT จะต้องมีความต้องการอย่างมากจากจีนแน่นอน
ด้านผู้ถือหุ้น Bitfinex อย่างนาย Zhao Dong ได้ออกมาให้สัมภาษณ์และอธิบายเมื่อเร็ว ๆ นี้เองว่า Tether กำลังเตรียมตัวที่จะเปิดเหรียญ Stable Coin อีกหลายเหรียญที่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็น ทองคำ, ยาง และน้ำมันดิบ
Tether ต้องการครองตลาดตะวันออกและมีแผนสำหรับเงินหยวนที่เรียกว่า CNHT
จากการที่ Bitfinex และผู้ประกอบการค้า (over-the-counter (OTC)) นาย Zhao Dong ได้ออกมาเปิดเผยไปก่อนหน้านี้แล้วว่า Tether กำลังวางแผนที่จะเปิดตัวเหรียญ CNHT ที่จะได้รับการสนับสนุนจากเงินหยวนของจีนเหมือนกับ USDT ที่มีดอลลาร์สนับสนุนแบบที่พวกเขาเคยทำมาก่อน ซึ่งทางด้าน Tether เองนั้นมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามการประเมินราคาสูงกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์จนถึงปัจจุบันนี้ เมื่อโครงการเปิดตัวในปี 2014 และยังมีอีกหลายโครงการที่คล้ายคลึงกันซึ่งเขาได้ยกตัวอย่างไว้ว่า UStether (US +) สำหรับดอลลาร์สหรัฐ Eurotether (EU +) สำหรับยูโรและ Yentether (JP +) สำหรับเยนญี่ปุ่น ที่เป็นเรือธงของพวกเขา
นอกจากนี้ Tether ยังจัดเป็นเหรียญ Stable Coin ที่ใหญ่ที่สุดในโลกของคริปโตอีกทั้งยังมีบัญชีการซื้อขายเป็นส่วนใหญ่ของตลาดอีกด้วย
สิ่งที่นำมาใช้ยกตัวอย่างได้ดีเลยนั้นก็คือ Tether เป็นเหรียญที่โดดเด่นเป็นอย่างมากดูได้จากเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาคริปโตทั้งหลายใน 10 อันดับแรกปรับระดับราคาลงมาต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย (MA) 200 วัน ในทุกวันนี้บัญชี Tether มีมากกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ของการซื้อขาย BTC ทั้งหมด 49 เปอร์เซ็นต์ของการแลกเปลี่ยน ETH , 40 เปอร์เซ็นต์สำหรับ XRP และ 57 เปอร์เซ็นต์ของการซื้อขาย BCH ทั้งหมด
โดยในเดือนกรกฎาคม 2019 ที่ผ่านมา Anna Baydakova นักข่าว cryptocurrency ได้ออกมารายงานว่าผู้นำเข้าของจากจีนในรัสเซียมีความต้องการเป็นอย่างมากที่จะใช้ Tether ในการซื้อขายข้ามแดนระหว่างรัสเซียและจีนคิดเป็นมูลค่ากว่า 30 ล้านดอลลาร์ต่อวันซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาเคยใช้ Bitcoin มาก่อนแต่เมื่อมี USDT เกิดขึ้นพวกเขาก็เลือกที่จะใช้ Stable Coin ที่มีความเสถียรกว่าและปลอดภัยที่นี้ USDT มีความต้องการสูงมาก
“ตามที่ผู้ค้า OTC ของรัสเซียหลายรายระบุว่ามันเป็นหนึ่งในทางออกที่ดีมากและใช้งานได้จริง” Baydakova เขียนไว้เมื่อตอนปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
โดยไม่นานหลังจากรายงานดังกล่าวในวันที่ 21 สิงหาคม 2019 นาย Zhao Dong ได้มีการออกมาพูดถึงความเป็นไปได้ของผลิตภัณฑ์ ใหม่ของทาง Tether ที่จะออกมาเป็นเงินหยวนของพวกเขานั้นก็คือ CNHT ซึ่งเขาได้มีการออกมาเปิดเผยแผนการต่าง ๆ ผ่านทาง WeChat และสื่อสังคมออนไลน์ของจีน ซึ่ง Zhao Dong ได้ออกมาเคลมว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ Stable Coin ดังกล่าวเปิดตัวธุรกิจ OTC ของเขาอย่าง Renrenbit จะสนับสนุน CNHT อย่างเต็มที่
“โดยส่วนตัวผมคิดว่าเงินหยวนใหม่ของพวกเขา CNHT จะสามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเงินหยวนในต่างประเทศได้ดีและทำให้สกุลเงินเป็นสากลมากขึ้น เชื่อว่าหน่วยงานที่กำกับดูแลจะต้องมีความสุขที่เห็นเหรียญดังกล่าวประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน”
Zhao Dong กล่าวใน Wechat และบอกกับทางสำนักพิมพ์ Chainnews
ระบบ Multi-Chain Operation ของ Tether
เมื่อไม่กี่เดือนก่อนที่ผ่านมา Tether ได้มีการทยอยเปลี่ยนระบบหลังบ้านจาก Omni layer ของ Bitcoin มาเป็น Ethereum Chain โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นมีการทำธุกรรมผ่านทางเครือข่าย ERC20 ที่เปลี่ยนจาก Omni โดยมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 260,000 เป็น ETH Gas เผื่อเปลี่ยนเหรียญของตัวเองให้เป็น ERC20 ซึ่งส่งผลให้ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมามีจำนวนธุกรรมของ ERC20 สูงถึง 100,000 ธุรกรรมเมื่อเทียบกับ Omni Layer ที่มีน้อยลงเหลือเพียงแค่ 39,000 ธุรกรรมเท่านั้น โดยจากเรื่องราวข้างต้นเงินหยวน CNHT จะมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าอย่างแน่นอน
ในเดือนสิงหาคม 2016 ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการออกเหรียญ EURT ซึ่งสนับสนุนด้วยเงินยูโรเหมือนกับ USDT ซึ่งเหรียญดังกล่าวมีการซื้อขายบน Omnidex กับคู่เงิน USDT และบนเว็บเทรดต่าง ๆ อย่างเช่น Openledger และ Coinsbank ซึ่งในตอนนี้ EURT ถูกย้ายไปยังเครือข่ายของ Ethereum ทั้งหมดแล้วนับตั้งแต่มกราคมปี 2018
“หลังจากความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ของการซื้อขายสกุลเงิน USDT บน Omni Layer Protocol พวกเราได้ทำการเปิดตัวและออกเงินดอลลาร์สหรัฐและยูโรในเครือข่าย Ethereum ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐาน ERC20” เว็บไซต์ tether.to อธิบาย
โดยเหตุผลที่ Tether ต้องเปลี่ยนจาก Omni Layer มาเป็น ERC20 นั้นเกิดจากการที่ “ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมเครือข่ายที่ต่ำกว่ามากและเวลาการยืนยันธุรกรรมที่เร็วขึ้นมากกว่าเดิมถึง 15-30 วินาที เมื่อเทียบกับการจับคู่กับ Omni layer ”
ปัจจุบันนั้นเหรียญ USDT กระจายอยู่ตามระบบของหลายเหรียญเป็นอย่างมากโดยตอนนี้อยู่บน Omni Layer กว่า 2.5 พันล้าน USDT บนเครือข่าย ERC20 อีกกว่า 1.5 พันล้าน USDT อีกทั้งพวกเขายังมี USDT หมุนเวียนในเครือข่ายของ 2 เหรียญใหญ่ ๆ อย่าง EOS และ Tron รวมกันมูลค่ากว่า 350 ล้าน USDT ซึ่งดูเหมือนว่าเร็ว ๆ นี้พวกเขามีแผนที่จะไปทดสอบบนแพลตฟอร์มของ Algorand และบน Blockstream Liquid protocol
โดยในปัจจุบันนั้นมีการคาดการณ์ว่ามีเหรียญ USDT สูงถึง 4,008,269,411 USDT และมีมูลค่าถึง 15.42 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันพวกเขาเป็น cryptocurrency ที่มีการซื้อขายมากที่สุดตามปริมาณการซื้อขายทั่วโลกอีกด้วย
นอกจากนี้แล้วไม่กี่วันหลังประกาสจากที่ Zhao Dong กล่าวว่าจะทำเงินหยวน CNHT เขาได้ออกมาเปิดเผยว่า Tether Holdings Limited มีแผนที่จะทดสอบการสนับสนุนสินค้าโภคภัณฑ์จำนวนมากเช่นทองคำน้ำมันดิบและยาง
แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่อาวุโสของธนาคารแห่งประเทศจีน (PBOC) เปิดเผยว่าสกุลเงินดิจิตอลของรัฐจะต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐเท่านั้น และในปัจจุบันก็ใกล้จะเสร็จแล้ว ซึ่งก็คือเหรียญ PBOC อาจเป็นปัญหาสำหรับ Tether หากรัฐบาลจีนตัดสินใจที่จะห้ามการสนับสนุน
ไม่แน่ว่าหากเป็นจริง tether อาจจะต้องเจอชะตากรรมเดียวกัน Bitcoin เมื่อตอนปี 2017 ที่ผ่านมาเมื่อธนาคารกลางและหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินได้สั่งให้หยุดการแลกเปลี่ยนการซื้อขาย BTC คู่เงินหยวน ด้านรองผู้อำนวยการ PBOC นาย Mu Changchun บอกกับสื่อมวลชนว่าเหรียญคริปโตของทางรัฐบาลกำลังจะถูกทำออกมาในไม่ช้าและจะเป็นระบบแบบ 2 ชั้นอย่างที่เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้
โดยมีข่าวลือออกมาว่าเหรียญคริปโตของทาง PBOC นั้นอาจจะเรียกว่าเป็น GlobalCoin และอาจจะมีความคล้ายคลึงกับโครงการ Calibra ของ Facebook ซึ่งจากความพยายามในการทำเหรียญเองของรัฐบาลจีนส่งผลทำให้การทำเหรียญ CNHT ของ Tether อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนักและอาจจะทำให้หน่วยงานกลางของจีนไม่พอใจอีกด้วย
ผู้ร่วมก่อตั้งที่ Primitive Crypto นาย Dovey Wan กล่าวว่า:
“ผมไม่เห็นความต้องการของเหรียญ CNHT จาก Tether ที่มากพอและเนื่องจากชาวจีนท้องถิ่นจะยังคงแลกเปลี่ยน USDT กับ CNY”
นอกจากนี้ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโต Lbank เองก็มีความคิดเห็นในทิศทางเดียวกันกับนาย Dovey Wan
“มันเป็นความพยายามที่ไร้ประโยชน์เป็นอย่างมากมันไม่ได้มีความต้องการที่มากพอจากผู้ค้าท้องถิ่นหรือความต้องการจากต่างประเทศเลยแม้แต่น้อย”
ที่มา : news.bitcoin.com
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น