<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Tencent และ Alibaba เชื่อว่า Libra จะมาเป็นภัยคุกคามต่อ WeChat Pay และ Alipay

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Tencent ซึ่งเป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ของจีนและเป็นเจ้าของแอปส่งข้อความชื่อดังอย่าง WeChat กล่าวว่าการเปิดตัว Libra ของ Facebook นั่นจะก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ร้ายแรงต่อระบบชำระเงินดิจิทัลที่มีอยู่ในปัจจุบัน

อ้างอิงรายงานเอกสาร blockchain whitepaper ของ Tencent ที่ได้เผยแพร่ในสัปดาห์นี้ระบุว่า โปรเจค Libra ของ Facebook ที่ดูเหมือนว่าจะเป็น “ความกล้าหาญในการเปลี่ยนแปลงสิ่งใหม่ ๆ” แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นเพียงแค่ “ภัยคุกคาม” ของบริษัทยักษ์ใหญ่จาก Silicon Valley ที่คิดไตร่ตรองมาแล้วอย่างรอบคอบเท่านั้นเอง

เหรียญ Libra จะสามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้อย่างรวดเร็วในประเทศที่ไม่มีสกุลเงินท้องถิ่นเป็นของตนเองหรือในสถานที่ที่ผู้คนไม่สามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินขั้นพื้นฐานได้ และนั่นจะเป็นการแข่งขันโดยตรงกับบริษัทของจีน

“บริษัทอินเทอร์เน็ตใด ๆ ที่มีระบบชำระเงินแบบดิจิทัลอย่างเช่น WeChat Pay และ Alipay จะถูกคุกคามโดยเหรียญ stablecoin หากมันมีการเปิดตัว” อ้างอิงตามเอกสาร whitepaper ของ Tencent

ธนาคารกลางของจีนได้ดำเนินการสร้างสกุลเงินดิจิทัลเป็นของตนเองในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในขณะเดียวกันรัฐบาลก็ได้ห้ามไม่ให้มีการซื้อขาย fiat-to-crypto ในประเทศนับตั้งแต่ปี 2017 อย่างไรก็ตามทางบริษัท Tencent และ Alibaba ซึ่งเป็นคู่แข่งกันในเรื่องของระบบชำระเงินภายใต้แบรนด์ WeChat Pay’s และ Alipay ได้มีการสร้างสกุลเงินดิจิทัลร่วมกัน รวมถึงโปรเจคการซื้อขายอื่น ๆ 

ด้วยผู้ใช้งานต่อวันมากกว่า1 พันล้านคนบน Tencent และโซเชียลมีเดียของ WeChat มันจะช่วยให้การชำระเงินแบบดิจิทัลในจีนเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

WeChat และ Alipay ได้ยึดมั่นในจุดยืนที่จะร่วมมือกันต่อต้านกระดานเทรดคริปโต โดยพวกเขาได้ใช้บริการการชำระเงินสำหรับลูกค้าชาวจีนที่ชื่นชอบการแลกเปลี่ยนเงินเฟียตแบบเพียร์ทูเพียร์ผ่านการซื้อขายกันเองโดยตรง (OTC)

“WeChat Pay จะไม่รองรับการซื้อขายคริปโตและแพลตฟอร์มไม่เคยมีบริการซื้อขายใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินคริปโต” อ้างอิงจากโพสต์ของ Weibo official

“เราจะเปิดให้ผู้ใช้สามารถรายงานการซื้อขายคริปโตใด ๆ บนแพลตฟอร์มของเราได้และเราจะร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐบาลเพื่อปราบปรามกิจกรรมดังกล่าว” WeChat กล่าวเพิ่มเติม

นอกจากนี้ Alipay ยังกล่าวเน้นย้ำห้ามไม่มีให้มีการซื้อขายคริปโตในทวีตเตอร์ของพวกเขา หลังจากที่ Binance ได้เปิดให้มีการซื้อขายแบบ over-the-counter  โดย Binance จะอนุญาตให้ผู้ใช้ชาวจีนแลกเปลี่ยนสินทรัพย์คริปโตกับกระดานเทรดได้ด้วยการชำระเงินผ่านการทำธุรกรรมแบบ peer-to-peer บน Alipay

โดย Alipay กล่าวในทวีตว่า :

“หากธุรกรรมใดถูกระบุว่าเกี่ยวข้องกับ bitcoin หรือสกุลเงินเสมือนจริงอื่น ๆ ทาง Alipay จะทำการหยุดให้บริการการชำระเงินที่เกี่ยวข้องทันที”

ในขณะที่บริษัททั้งสองมีจุดยืนร่วมกันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสินทรัพย์ คริปโต ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ได้ลงทุนอย่างหนักในเทคโนโลยีบล็อกเชนและ cloud computing

โดย WeChat และ Tencent ได้สร้างชุดบริการ blockchain ขึ้นมานับตั้งแต่พวกเขาได้เผยแพร่เอกสาร white paper เป็นครั้งแรกในปี 2017

บริษัทได้สร้างแพลตฟอร์มใหม่ที่มีชื่อว่า ‘TrustSQL’ ซึ่งได้รับการออกแบบให้เป็นระบบที่แบ่งออกเป็นสามส่วนพร้อมกับ core chain layer โดยจะประกอบไปด้วยเลเยอร์ผลิตภัณฑ์ , การบริการและเลเยอร์ของแอปพลิเคชันเพื่อให้มีการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลและมีการตรวจสอบความถูกต้อง

Tencent ระดมเงินทุนได้กว่า 20 ล้านดอลลาร์ในรอบซีรีย์ A สำหรับการเปิดตัวสตาร์ทอัพบล็อกเชนที่มีชื่อว่า ‘Everchainger’ ซึ่งได้มีการจัดขึ้นโดย Fidelity Investments ในเดือนกันยายน

นอกจากนี้บริษัทยังได้ร่วมมือกับ Intel เพื่อพัฒนา blockchain สำหรับอินเทอร์เน็ตของแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ในขณะเดียวกันบริษัทก็ได้เริ่มทำการทดสอบแอพพลิเคชั่นทางการเงินของ blockchain กับ Bank of China ในปี 2017

ในปี 2018 บริษัท Alipay’s ซึ่งอยู่ในเครือของ Alibaba Group ได้ติดโผอยู่ในรายชื่อบริษัทที่มีการยื่นขอจดสิทธิบัตรรวมกันมากกว่า 90 รายการ โดยบริษัทได้มุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ blockchain ซึ่งนั่นเป็นการยื่นขอจดสิทธิบัตรมากกว่าบริษัทข้ามชาติรายอื่น ๆ รวมถึง IBM, Mastercard และ Bank of America

“การเปิดตัวของ Libra จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการขยายตัวทั่วโลกสำหรับ บริษัทชำระเงินแบบดิจิทัลโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่ม Libra” อ้างอิงจากเอกสาร whitepaper ของ Tencent 

ปัจจุบัน Tencent มีมูลค่าในตลาดทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 4 แสนล้านดอลลาร์ โดยบริษัทเริ่มเป็นผู้นำด้านการสื่อสารและอินเทอร์เน็ตในประเทศจีนนับตั้งแต่ที่บริษัทได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1998 ซึ่งชื่อของบริษัทได้ถูกตั้งตามเสียงสะท้อนของเทคโนโลยีที่ชื่นชอบในทศวรรษนั่นก็คือ ‘เพจเจอร์’ ที่ออกเสียงว่า “cent ” ส่วน “teng” ตัวอักษรคำแรกนั่นได้ตั้งตามชื่อผู้ก่อตั้งนาย Huateng Ma ตำนานเทคโนโลยีของเซินเจิ้น โดยผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่ Tencent ผลิตขึ้นมาก็คือ ซอฟต์แวร์ออนไลน์สำหรับส่งข้อความจากคอมพิวเตอร์ไปยังเพจเจอร์นั่นเอง

ที่มา : coindesk

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น