<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ธนาคารกลางประเทศเช็คเตรียมลงโทษปรับผู้ที่เรียก Bitcoin ว่าเป็น ‘เงินจริง’

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

อ้างอิงรายงานจากตัวแทนของกลุ่มขั้วการเมืองที่มีแนวคิดอนาธิปไตยซึ่งนิยมสกุลเงินคริปโตในชื่อ “Paralelni Polis” ได้รับคำเตือนจากธนาคารกลางจากการที่พวกเขาพิมพ์เหรียญออกแจกจ่าย

ในวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมานี้ทางกลุ่ม Paralelni Polis ได้เปิดเผยผ่านทางทวิตเตอร์ของพวกเขาถึงการที่ธนาคารกลางของประเทศเชครีพลับลิคอย่าง Czech National Bank (CNB) ซึ่งได้ต่อต้านการดำเนินการของกลุ่มในการนิยามเหรียญเงินซึ่งพวกเขาได้ทำการพิมพ์ขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ทางการเมืองให้มีความหมายเสมือนกับเหรียญซึ่งใช้เป็นเงินตราทั่วไป ซึ่งตามกฎหมายแล้วมีเพียงทางธนาคารกลางหรือ CNB เท่านั้นที่ใช้คำว่า “เหรียญ (Coin)” ได้

ทั้งนี้หนึ่งในสำนักข่าวในพื้นที่อย่าง Seznam Zprávy ซึ่งทางผู้บริหารของสำนักข่าวอย่างนาย Martin Leskovjan ยังได้ออกมากล่าวถึงสถานการณ์ดังกล่าวว่ามันช่างเป็นเรื่องที่ “งี่เง่าสิ้นดี”

รัฐบาลเช็กไม่ชอบคริปโต

ตั้งแต่ในช่วงปี 2014 นั้น กลุ่ม Paralelni Polis นั้นเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในฐานะกลุ่มผู้ดำเนินการเกี่ยวกับ Bitcoin ในพื้นที่เมืองหลวงของประเทศเชครีพลับลิค รวมทั้งคาเฟ่ของพวกเขาซึ่งรับชำระเงินเป็น Bitcoin อีกด้วย

อย่างไรก็ตามในโครงการล่าสุดของกลุ่ม Paralelni Polis ซึ่งเป็นการพิมพ์เหรียญเงินเพื่อออกจำหน่ายในฐานะของสะสมผ่านความร่วมมือกับบริษัทสตาร์ทอัพอย่าง BitNotes โดยแต่ละเหรียญนั้นมีมูลค่า 0.01  BTC หรือประมาณ 92 ดอลลาร์ อีกทั้งยังมีการพิมพ์รูปหน้าของบุคคลทั้งสามผู้มีชื่อเสียงทั้งในวงการ Bitcoin และในด้านอื่น ๆ อย่างเช่น Ross Ulbricht, Julian Assange และ Aaron Swartz เป็นต้น

ทางโครงการดังกล่าวยังได้มีการกล่าวอธิบายถึงโครงการผ่านบล๊อกของพวกเขาไว้ดังนี้

“ในโครงการนี้ พวกเรานั้นตั้งใจที่จะอุทิศให้แก่เหล่าบุคคลผู้ที่ลุกขึ้นต่อต้านระบบซึ่งผลงานของพวกเขาเหล่านั้นได้มีผลอย่างมากต่ออิสรภาพบนอินเทอร์เน็ตของพวกเรา”

นอกจากนี้แล้วทางประเทศเชครีพลับลิคนั้นยังได้มีแนวโน้มการดำเนินการไปในทิศทางของแนวคิดอนุรักษ์นิยมมากขึ้นโดยเฉพาะกับการกำกับอิสระภาพในการดำเนินการเกี่ยวกับสกุลเงินคริปโต ซึ่งในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานั้นเหล่าผู้ร่างกฎหมายของประเทศได้ดำเนินการออกกฎระเบียบสำหรับการกำกับดูแลซึ่งมีความเข้มงวดมากกว่ามาตรฐานที่ได้วางไว้โดยสหภาพยุโรปเสียอีก ซึ่งมีผลให้ผู้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสกุลเงินคริปโตบางรายที่หากไม่ได้ทำการขึ้นทะเบียนแล้วอาจต้องรับโทษปรับสูงถึง 20,000 ดอลลาร์เลยทีเดียว

ที่มา : cointelegraph

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น