<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

มีฮาร์ดดิสก์เหลือไม่ได้ใช้? ลอง 4 เหรียญคริปโตที่ใช้ฮาร์ดดิสก์ของคุณขุดได้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

สำหรับเทคโนโลยี Blockchain นั้น มันก็มีหลายกลไกในการหาเสียงส่วนใหญ่ (Consensus) ไม่ใช่มีแค่ระบบ Proof of Work อย่างเดียวที่คนรู้จักกัน หนึ่งในระบบ Consensus ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักกันคือ Proof of Capacity ที่นักขุดจะใช้ Disk Space (พื้นที่ของหน่วยความจำบนเซิร์ฟเวอร์เพื่อไว้สำหรับเก็บไฟล์ทั้งหมดของเว็บไซต์) เพื่อขุดเหรียญ

ด้วยเหตุนี้เอง มันจะทำให้เกิดความแตกต่างระหว่าง Proof of Capacity และ Proof of Work เพราะ Proof of Capacity นั้นใช้พลังงานน้อยกว่ามาก มันเป็นเหมือนอีกทางเลือกหนึ่งเลยในการที่จะได้เหรียญมา ถ้าให้กล่าวสั้น ๆ Proof of Capacity ก็คือนักขุดทำการปล่อย Disk Space ให้กับเหรียญนั้น ๆ นั่นเอง และก็เหรียญจำนวนหนึ่งเลยที่ใช้ระบบ Consensus นี้อยู่

ในบทความนี้ เราจะพาไปดูกันว่า 4 เหรียญที่ใช้ Proof of Capacity และกำลังได้รับความนิยมอยู่นั้นมีเหรียญอะไรกันบ้าง

Storj

ในวิดีโอนี้ เราจะเห็นวิธีการตั้ง Storage Node บนเครือข่าย Blockchain ของ Storj

Storj หรือ STORJ นั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเครือข่ายในการเก็บไฟล์แบบ Decentalized ในตอนนี้ก็มีผู้ให้บริการเก็บไฟล์มากมายในโลก แต่ต่างก็เจอปัญหาเดียวกันคือ ถ้าหากบริษัทที่เราฝากไฟล์นั้นเกิดปิดตัวหรือมีความผิดพลาดอะไรเกิดขึ้น ระบบเก็บไฟล์นั้นก็จะไม่สามารถทำงานอยู่ได้ และข้อมูลที่คุณฝากไว้ก็จะหายไปตลอดกาล

แต่ด้วยการเก็บไฟล์บน Decentralized Storage นั้น Blockchain จะยังเก็บสำเนาข้อมูลของคุณไว้อยู่ตาม Node ต่าง ๆ ในเครือข่าย ซึ่งถ้าเกิดมี Node ใด Node หนึ่งดันเกิดปัญหาและล้มเหลวขึ้นมา ข้อมูลของคุณก็ยังปลอดภัยอยู่ดีเพราะถูกเก็บอยู่ใน Node อื่น ๆ ในเครือข่ายด้วย

Storj นั้นมีสิ่งที่เรียกว่า V3 Network ด้วยเทคโนโลยีของเขา พวกเขาพยายามที่จะลดการใช้ Bandwidth (ปริมาณการรับ และการส่งข้อมูลของอินเทอร์เน็ต) ให้มากที่สุด, ทำให้มีความยืดหยุ่นในความล้มเหลวของอุปกรณ์หรือความปั่นป่วน และทำให้ทำงานกับ AWS S3 ได้

ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่สำคัญของ Storj คือ เครือข่ายมีความปลอดภัยระดับองค์กร, เป็น Object Storage ไม่ใช่ Database Storage, มี Byzantine Fault Tolerance และต้านทานต่อการโจมตีทั่ว ๆ ไป

อ้างอิงจาก CoinMarketCap ในขณะที่รายงานอยู่นี้ Storj มีมูลค่าอยู่ที่ 0.126645 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1.82 เปอร์เซ็นต์ และมีปริมาณการเทรดโดยรวมอยู่ที่ 2.519 ล้านดอลลาร์ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา Storj มีมูลค่าโดยรวมที่ 17.176 ล้านดอลลาร์

สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Storj

Burst

Burst หรือ BURST นั้นกำเนิดมาจากคริปโตนาม NXT มันเป็นอีกหนึ่งเหรียญที่ใช้ระบบ Consensus แบบ Proof of Capacity โดยการใช้รางวัลแก่นักขุดตามอัตราส่วน Disk Space ที่นักขุดคนนั้นแบ่งมาให้กับเครือข่าย

เหรียญนี้มีระบบ Smart Contract ตั้งแต่ปี 2014 และก็เพิ่มฟีเจอร์ที่สำคัญต่าง ๆ เข้ามาเรื่อย ๆ ด้วยการที่มันมี Smart Contracts ทำให้เกิดการสร้าง Application ใหม่ ๆ ให้ทำงานบนเครือข่ายได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งาน Blockchain อย่าง Ethereum และ Blockchain อื่น ๆ บนเครือข่ายก็ตาม

นอกจาก Blockchain แล้ว มันยังรองรับเทคโนโลยีใหม่อย่าง Tangle วิธีการรับส่งข้อมูลกันในเครือข่ายที่เร็ว และถูกใช้ในเหรียญ IOTA ด้วย

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่สำคัญของ Burst คือมันมี Atomic Cross Chain Trading นั่นก็คือ การที่ผู้ใช้งาน 2 คนมีเหรียญคนละชนิดกัน ก็สามารถนำเหรียญนั้นมาเทรดกันได้เลยโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีผู้ให้บริการอื่น ๆ

Burst นั้นรองรับ Lightning Network ที่เป็นเครือข่ายการทำธุรกรรมด้วยการใช้ระบบของ Channel (ช่องทางในการชำระเงิน) ซึ่งผู้ใช้งานในเครือข่ายสามารถเปิด Channel แล้ว และก็ทำธุรกรรมผ่าน Channel นั้นได้เลยโดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมนั่นเอง ระบบ Lightning Network นี้ยังถูกคาดหวังให้เป็นอนาคตของ Bitcoin อีกด้วย

เป็นอีกหนึ่งเหรียญที่ใช้ Proof of Capacity และมีการอัปเดตที่ทำให้ทำงานร่วมกับเหรียญหรือเทคโนโลยีอื่น ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง

อ้างอิงจาก CoinMarketCap ในขณะที่รายงานอยู่นี้ Burst มีมูลค่าอยู่ที่ 0.002305 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2.48 เปอร์เซ็นต์ และมีปริมาณการเทรดโดยรวมอยู่ที่ 10,438 ดอลลาร์ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา Burst มีมูลค่าโดยรวมที่ 4.776 ล้านดอลลาร์

สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Burst

BitcoinHD

BitcoinHD หรือ BHD เป็นหนึ่งชื่อที่อาจจะไม่ค่อยคุ้นเท่าไรนัก แต่มันใช้ Proof of Capacity ที่ต่างไปจากเหรียญอื่น ๆ ตรงนี้มันใช้ Conditioned Proof of Capacity หรือ CPoC แทน

CPoC เป็นโมเดลการขุดเหรียญที่จะนำเหรียญที่ถูกขุดออกมาไปใช้ในการขุดในอนาคตต่อเลย ทำให้เครือข่ายของ BHD นั้นเติบโตขึ้นแบบอัตโนมัติ

โมเดลนี้มีข้อได้เปรียบตรงนี้ Disk Space นั้นจะเติบโตแบบช้า ๆ หากเทียบกับการเติบโตของกำลังขุดในเครือข่ายของโมเดลแบบอื่น ๆ ทำให้ต้นทุนในการขุดนั้นยังต่ำอยู่

เหรียญนี้เพิ่งเปิดตัวได้เมื่อเดือนสิงหาคม 2018 ที่ผ่านมา BHD นำเอาข้อดีของ Bitcoin และ Burst มารวมกันจนทำให้เกิดข้อได้เปรียบเหรียญอื่น ๆ ขึ้นมา

ระบบนิเวศน์ของโมเดล CPoC นั้นจะประกอบไปด้วย Pool สำหรับนักขุดหรือ Mining Pool, นักขุด, ผู้ถือคริปโต, Wallet, เว็บเทรด และผู้จำหน่ายฮาร์ดแวร์ โดยนักขุดมักจะเป็นผู้ที่ได้กำไรมากที่สุดในระบบนิเวศน์นี้เพราะจะทำให้เกิดแรงจูงใจผลักดันให้เป็นส่วนหนึ่งของโมเดล CPoC ต่อไป และไม่ทำการโจมตีมัน

ถึงแม้ BHD จะเป็นเหรียญใหม่ แต่มันก็น่าสนใจไม่น้อยเลย

อ้างอิงจาก CoinMarketCap ในขณะที่รายงานอยู่นี้ BitcoinHD มีมูลค่าอยู่ที่ 4.20 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 9.21 เปอร์เซ็นต์ และมีปริมาณการเทรดโดยรวมอยู่ที่ 6.462 ล้านดอลลาร์ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา BitcoinHD มีมูลค่าโดยรวมที่ 22.324 ล้านดอลลาร์

สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ BitcoinHD

Filecoin

Filecoin นั้นเป็นเครือข่ายเก็บข้อมูลแบบ Decentralized ที่สามารถเก็บข้อมูลได้แบบ Storj นั่นแปลว่านักขุดจะได้เหรียญอย่าง Filecoin กลับไปเป็นค่าตอบแทนจากการปล่อย Disk Space สำหรับการเก็บข้อมูลมาให้กับเครือข่าย

นักขุดจะได้รับ Filecoin จากการเก็บข้อมูลให้กับผู้ใช้งาน โดยจะได้เหรียญกลับไปมากหรือน้อยเทา่ไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับให้ Disk Space กับเครือข่ายมากเท่าไรนั่นเอง

นักขุดจะทำหน้าที่เป็นเหมือน Node ในเครือข่ายที่เก็บข้อมูลไฟล์อื่น ๆ และข้อมูลของ Blockchain ทำให้เครือข่ายสามารถทำงานได้ และเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในเครือข่าย นักขุดต้องนำเหรียญไปค้ำประกันด้วย ซึ่งหากนักขุดเกิดล้มเหลวในการให้บริการเก็บไฟล์ เหรียญนั้นก็จะถูกยึดไป

ในแต่ละไฟล์ที่ถูกเก็บนั้นจะมีการเข้ารหัสเพื่อสร้างสิ่งที่เรียกว่า Fingerprint ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ฝากขึ้นไปนั้นปลอดภัยจริง ๆ พร้อมกับทำให้แยกออกด้วยว่า ไฟล์ไหนเป็นไฟล์ไหน ทำให้ชื่อของแต่ละไฟล์จะไม่ซ้ำกันนั่นเอง

อ้างอิงจาก CoinMarketCap ในขณะที่รายงานอยู่นี้ Filecoin มีมูลค่าอยู่ที่ 4.83 ดอลลาร์ ลดลง 28.07 เปอร์เซ็นต์ ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Filecoin

เรียกได้ว่าเป็นอีก 4 เหรียญที่น่าลองไปศึกษาไปน้อยสำหรับนักขุด เพราะอาจจะเป็นช่องทางโอกาสใหม่ ๆ ก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ตามเหรียญประเภท Proof of Cpapcity ก็ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไร ถึงแม้จะมีบริการที่ดูน่าเชื่อถือ แต่ในแง่ของการใช้งานจริงแล้ว มันก็ยังไม่ได้รับการพิสูจน์มากเท่าไรนัก

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น