<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ญี่ปุ่นอาจเดินตามรอยจีนเพื่อสร้างเหรียญ Cryptocurrency เป็นของตัวเอง

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

จีนกำลังเดินหน้าอย่างเต็มกำลังด้วยการขับเคลื่อนเทคโนโลยีบล็อกเชนและการสร้างสกุลเงินคริปโตของธนาคารกลาง แต่กระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้เป็นประเทศเดียวในภูมิภาคนี้ที่ก้าวเข้าสู่วงการสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งปัจจุบันธนาคารกลางของญี่ปุ่นกำลังได้มีการสำรวจกฎหมายของการออกสกุลเงินดิจิทัลเป็นของพวกเขาเองแล้ว

ญี่ปุ่นกำลังวิจัยเหรียญคริปโต

รายงานล่าสุดของธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นได้เผยการสำรวจกฎหมายเกี่ยวกับการออกสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) การสำรวจดังกล่าวนั้นเกิดขึ้น หลังจากที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีนได้ประกาศความทะเยอทะยานของพวกเขาในการเปิดตัวการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์สกุลเงินดิจิทัล (DECP) ในปีหน้า

ห้องปฏิบัติการวิจัยได้สำรวจพบรายงานที่น่าสนใจในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นคำถามทางด้านกฎหมายเกี่ยวกับ CBDC ที่ถามว่าธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นจะสามารถออกคริปโตเคอเรนซี่เป็นของตัวเองได้หรือไม่ ? รวมถึงเงื่อนไขของการทำธุรกรรม , การจำกัดการใช้งาน , กฏเกณฑ์ในการออกสกุลเงิน จนไปถึงเรื่องของการป้องกันการฟอกเงิน

การวิจัยได้มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องภายใต้สถาบันเพื่อการวิจัยของ BoJ ซึ่งได้จัดตั้งขึ้นเพื่อศึกษากฎหมายเกี่ยวกับ CBDC ในเดือนพฤศจิกายน 2018 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบประเด็นทางด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลในประเทศญี่ปุ่น

นอกจากนี้ยังการวิจัยยังระบุด้วยว่า CBDC จะแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ ๆ นั่นก็คือ : ประเภทบัญชีและประเภทโทเค็น ซึ่งประเภทบัญชีจะเป็นเงินฝากของธนาคารทั่วไปที่ได้รับการสนับสนุนโดย BoJ และเปิดให้บริการสำหรับนิติบุคคลและบริษัท

ส่วนประเภทของโทเค็นคริปโตจะถูกนิยามว่าเป็น ‘ธนบัตรอิเล็กทรอนิกส์’ ซึ่งในการทำธุรกรรมข้อมูลจะถูกโอนย้ายไปยังระหว่างกระเป๋าเงิน ในลักษณะที่คล้ายคลึงกับคริปโตเคอเรนซี่ โดยธนาคารกลางจะใช้ตัวกลางในการกระจายโทเค็นและจะไม่แจกจ่ายเหรียญโทเค็นให้กับผู้ใช้โดยตรงเพื่อป้องกันผลกระทบต่อโครงสร้างของระบบการเงิน

สกุลเงินดิจิทัลที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้

ธนาคารกล่าวเพิ่มเติมว่า “ธนบัตรอิเล็กทรอนิกส์จะถูกพิจารณาให้เป็นสกุลเงินที่สามารถจับต้องได้ เว้นแต่ว่าทางธนาคารกลางจะไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น” ซึ่งกฎหมายในปัจจุบันจะต้องได้รับการแก้ไขเพื่อให้มันมีสถานะที่สามารถชำระเงินได้ถูกต้องตามกฎหมาย

รายงานดังกล่าวยังระบุด้วยว่ามันอาจมีข้อจำกัดในการชำระเงินเพื่อป้องกันการฟอกเงินหรือการสนับสนุนทางการเงินจากผู้ก่อการร้าย ซึ่งอาจมีการจำกัดขนาดของการทำธุรกรรมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการนำไปใช้จริง นอกจากนี้ธนาคารยังจำเป็นต้องมีกฎระเบียบยืนยันตัวตน KYC ในสถานที่นั้น ๆ ด้วยก่อนที่จะปล่อยเหรียญคริปโตออกสู่สาธาณะ

สถาบันเพื่อการวิจัย BoJ ได้ตั้งข้อสังเกตว่าข้อมูลการธุรกรรมของคริปโตส่วนใหญ่จะถูกเก็บไว้ในบล็อกเชน แต่ธนาคารจะไม่ทำเช่นนั้น ซึ่งข้อมูลใด ๆ ที่รวบรวมมาได้จะได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งแตกต่างกับสถานการณ์ของประเทศจีนโดยสิ้นเชิง

มีข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อยเกี่ยวกับการป้องกันการปลอมแปลงและความเป็นไปได้ในการตรวจสอบสกุลเงิน แต่หลัก ๆ แล้วยังมีปัญหาในด้านกฎหมายอีกมากมายที่ต้องพิจารณาและการวิจัยก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป

ที่มา : bitcoinist

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น