นักวิเคราะห์รายหนึ่งได้ออกมาประกาศข่าวที่ทำให้นักลงทุน Bitcoin หลาย ๆ คนต้องรู้สึกหนาวกัน ซึ่งข่าวดังกล่าวนั้นมีความเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงในคดีเหรียญ PlusToken ที่เชื่อว่ามิจฉาชีพนั้นเตรียมนำเหรียญ Bitcoin ที่โกงมาได้จำนวน 58,000 BTC มาทุบราคาตลาดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
เหรียญ PlusToken นั้นถูกสร้างขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมาโดยบริษัทแชร์ลูกโซ่แห่งหนึ่งในเกาหลีใต้ โดยเป็นเหรียญแชร์ลูกโซ่ที่สัญญาผลตอบแทนสูงให้กับเหยื่อผ่านระบบการ “แลกเปลี่ยนกำไร, การขุด, และระบบ referral” นอกจากนี้ยังเคยมีรายงานว่ามีเหยื่อที่เข้ามาติดกับถึง 3 ล้านราย
แพลตฟอร์มแชร์ลูกโซ่ดังกล่าวนั้นถูกจับกุมได้เมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้บริษัท Ciphertrace รายงานว่านักลงทุนนั้นได้สูญเสียเงินไปกว่า 2.9 พันล้านดอลลาร์เลยทีเดียว หลังจากที่แอพ PlusToken นั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย
นักวิเคราะห์คริปโตมืออาชีพนามว่า Ergo นั้นได้พิจารณาถึงขนาดของมูลค่าความเสียหาย โดยเขาคาดว่ามี Bitcoin จำนวนถึง 129,000 BTC ที่ถูกนำไปฟอกเพื่อทำให้ทางรัฐบาลนั้นตามจับได้ยากมากขึ้น
Going forward we can use the daily sell estimates and the ~58,000 BTC unmixed total to estimate the duration of the remaining selling at between 1.5 and 2 months.
— ∴ Ergo ∴ (@ErgoBTC) November 21, 2019
หากคาดเดาว่าจำนวนดังกล่าวนั้นถูกนำไปเทขายในตลาดนั้น เขาวิเคราะห์ว่ามันจะมี Bitcoin ถึง 58,000 BTC ที่มีมูลค่าประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาทที่อาจถูกนำมาเทขายก็เป็นได้
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีชาวจีน 6 รายที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในขบวนการแชร์ลูกโซ่ดังกล่าว และถูกจับกุมได้ที่เกาะแถวแปซิฟิคใต้นามว่า Vanuatu
แม้พวกเขาจะถูกจับได้ แต่ก็ยังคงมีรายงานออกมาว่ามีการเคลื่อนย้าย Bitcoin จำนวนมหาศาลที่คาดการณ์ว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีแชร์ลูกโซ่ดังกล่าว
I’ve been seeing a lot of Twitter FUD opining on miner capitulation in the last few days.
This got me thinking… could the selling by the PlusToken scammers have had an abnormal effect on this market cycle? pic.twitter.com/VZGjyQAxaF
— ∴ Ergo ∴ (@ErgoBTC) November 21, 2019
Ergo นั้นได้คาดการณ์ว่าการเทขาย Bitcoin ในตลาดเมื่อครั้งที่ผ่าน ๆ มานั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีแชร์ลูกโซ่ดังกล่าว และมันส่งผลทำให้ราคาตลาดนั้นร่วงอย่างรุนแรง
นอกจากนี้บริษัทอย่าง Peckshield และ Chainanalysis นั้นก็กำลังพยายามตรวจสอบที่มาที่ไปของเหรียญ Bitcoin ที่ถูกฉ้อโกงมาดังกล่าวว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับ PlusToken หรือไม่อย่างไร ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าพวกเขาจะสามารถใช้ Blockchain เพื่อตามตัวไปถึงต้นตอของผู้ใช้งาน BTC ได้หรือไม่
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น