<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ตัวเลขเผย จีนคุมแรงขุด Bitcoin ถึง 65% แต่ส่วนแบ่งตลาด Bitmain กำลังลดลง

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

อ้างอิงจารรายงานการวิจัยของบริษัท CoinShares ในขณะนี้เหล่านักขุดเหรียญ Bitcoin ในประเทศจีนนั้นได้มีอัตราของพลังการขุดเหรียญ (hash rate) รวมกันทั้งประเทศแล้ว เทียบกับเครือข่ายการขุดของทั้งโลกแล้วนั้นคิดได้เป็นอัตราที่​ 65%

โดยในรายงานล่าสุดของ CoinShares นั้นได้เปิดเผยกับสำนักข่าว The Block ว่าการขุดเหรียญ Bitcoin กว่า 65% ของโลกนั้นเกิดขึ้นในประเทศจีน โดยเฉพาะในมณฑลเสฉวนอย่างเดียวนั้นมีปริมาณการขุดเหรียญมากถึง 45% ของทั้งระบบเครือข่ายในโลก โดยอีก 35% ที่เหลือนั้นกระจายออกไปตามพื้นที่ต่างๆทั่วโลกเช่นประเทศสหรัฐฯ ไปจนถึงประเทศรัสเซียและประเทศคาซักสถาน

ปริมาณการขุดดังกล่าวนั้นได้เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาที่ 60% ซึ่งนับเป็นอัตราการขุดสูงที่สุดนับตั้งแต่ที่ทางบริษัท CoinShares นั้นได้เริ่มมีการบันทึกสถิติการขุดมาในช่วงเกือบสองปีก่อน โดยการพัฒนาที่เกิดขึ้นในช่วงหกเดือนล่าสุดนั้นเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ก่อให้เกิดการขยายตัวของอัตราการขุดดังกล่าวนั้นเอง

นอกจากนี้แล้วผู้เขียนรายงานดังกล่าวอย่างนาย Christopher Bendiksen ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่านงานวิจัยของบริษัท CoinShares และนาย Samuel Gibbons ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์ของบริษัทนั้นได้บันทึกไว้ในรายงานซึ่งมีข้อความบางส่วนดังนี้

“เหล่านักขุดทั้งหลายนั้นได้ใช้ประโยชน์จากอัตราการไหลเวียนของเงินในระบบที่เพิ่มขึ้น ในการลงทุนในอุปกรณ์การขุดเหรียญที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิซึ่งราคา Bitcoin นั้นได้กลับตัวสูงขึ้นนั่นเอง ซึ่งเป็นผลให้พวกเขาสามารถรักษาอัตราส่วนแบ่งของตลาดการขุดเหรียญไว้ได้จากการเปลี่ยนผ่านของอุปกรณ์การขุดไปสู่รุ่นที่ใหม่กว่าเดิมได้ อีกทั้งยังเป็นการเตรียมตัวสำหรับการการมาถึงของเหตุการณ์การแบ่งครึ่งลงของรางวัลการขุดเหรียญอีกด้วย” 

อ้างอิงเพิ่มเติมจากรายงานนั้น เหล่าอุปกรณ์การขุดรุ่นใหม่ๆนั้นก็ได้เข้ามามีบทบาทในการพัฒนาล่าสุดนี้ในเครือข่ายของการขุดเหรียญด้วยเช่นเดียวกัน โดยอุปกรณ์หลักๆซึ่งได้มีการใช้งานล่าสุดนั้นมาจากบริษัทต่างๆดังนี้คือ Bitmain (เครื่องขุดรุ่น Antminer 15 และ 17), MicroBT ( เครื่องขุดรุ่น Whatsminer 10 และ 20) Bitfury ( ชิปเซต Clarke), Canaan ( เครื่องขุดรุ่น Avalon 10), Innosilicon (เครื่องขุดรุ่น T3) และ Ebang ( เครื่องขุดรุ่น E10) เป็นต้น

อัตราการขุดของ Bitmain ในตลาดนั้นยังคงลดลง

ถึงแม้ว่าทางบริษัท Bitmain นั้นจะเป็นหนึ่งผู้เล่นสำคัญในตลาดก็ตาม แต่ตัวเลขอัตราการขุดซึ่งเกิดจากบริษัทดังกล่าวนั้นได้ลดลงจากประมาณ 70% ไปสู่ 66% ของระบบโดยรวมทั้งหมด ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเดือนมิถุนายนของปี 2017 นั้นทาง Bitmain ได้เคยครองตลาดการขุดโดยมีอัตราการขุดที่มากถึง 75% ของตลาดโดยรวมเลยทีเดียว

ทั้งนี้นาย Bendiksen และนาย Gibbons ได้กล่าวในรายงานอีกว่า

“บริษัท  Bitmain นั้นต้องอาศัยการลงทุนใหม่ๆเข้าสู่บริษัทเพื่อเป็นการรักษาแผลทางการเงินซึ่งเกิดขึ้นจากตัวบริษัทเองจากการใช้กลยุทธ์ที่ผิดพลาด”

ทั้งยังได้กล่าวเสริมถึงรายละเอียดดังนี้

“อ้างอิงจากข่าวซึ่งหลุดออกมาจากภายในของบริษัท ประกอบกับรายงานทางการเงินซึ่งได้ถูกเปิดเผยระหว่างการเปิด IPO ซึ่งได้จัดขึ้นในเมืองฮ่องกงที่ได้ล้มเหลวไปนั้น แสดงให้เห็นว่าทางบริษัท Bitmain ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่จากการลงทุนที่ไม่มีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การแบบวงจรซึ่งพังไม่เปนท่า การผลิตอุปกรณ์และการจ้างงานที่มากเกินไป รวมถึงการถือครองสินทรัพย์ซึ่งให้ผลตอบแทนที่ย่ำแย่อย่างมากเช่น Bitcoin Cash (BCH) นั้นเอง โดยปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาทางการเงินดังกล่าวขึ้น โดยรายงานล่าสุดซึ่งอ้างอิงจากบันทึกภายในของบริษัทโดยผู้บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งของบริษัทอย่าง Jihan Wu นั้นได้กล่าวว่าพวกเขาเกือบที่จะตัดสินใจปิดบริษัทลงในช่วงต้นปี 2019 แล้วอีกด้วย”

นอกจากนี้แล้วทางบริษัท CoinShares นั้นยังได้เปิดเผยอีกว่าตามอัตราราคาของเหรียญ Bitcoin ในปัจจุบันนั้นยังคงทำให้ให้เหล่านักขุดสามารถทำกำไรได้จากการดำเนินการอยู่ แต่ทั้งนี้การแบ่งครึ่งลงของรางวัลการขุดซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่จะถึงนี้อาจส่งผลให้เครื่องมือการขุดรุ่นเก่าอย่าง Antminer S9 ซึ่งยังคงมีการใช้งานอย่างกว้างขวางอยู่ทั้งเครือข่ายเข้าสู่จุดสิ้นสุดของการดำเนินการที่จะสร้างผลกำไรได้อีก เว้นจะมีเหตุการณ์ที่ราคา Bitcoin นั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างมากหรือการที่ต้นทุนสำหรับการดำเนินการอย่างค่าไฟนั้นลดลงต่ำกว่า 1 เซนต์ต่อหนึ่งกิโลวัตนั่นเอง

ที่มา : Theblockcrypto

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น