ทุกครั้งที่มีนักวิเคราะห์ออกมาทำนายราคา นักเทรดหลาย ๆ คนก็มักจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบที่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไรนัก โดยการทำนายของนักวิเคราะห์นั้นก็มีตั้งแต่แบบซอฟต์ ๆ ในเขตราคาที่ใกล้เคียง ไปจนถึงแบบฮาร์ดคอร์ที่มีถึง 7 หลักด้วยกัน ทว่ามีอยู่รายหนึ่งนั้นที่คิดว่าราคาของ Bitcoin นั้นมีโอกาสที่จะพุ่งไปถึง 50,000 ดอลลาร์ในช่วงปลายปีนี้ได้
นาย Antoni Trenchev หรือผู้ก่อตั้งบริษัทด้านคริปโต Nexo ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อการเงินยักษ์ใหญ่ Bloomberg ว่านักวิเคราะห์ทั้งหลายในบริษัทของเขานั้นได้ทำการสรุปมาได้แล้วว่าราคาของ Bitcoin นั้นมีแนวโน้มที่จะพุ่งแตะ 50,000 ดอลลาร์ (1,508,875 บาท) ได้ภายในปลายปี 2020 นี้ และมีความเป็นไปได้ที่สูงมากอีกด้วย บริษัท Nexo นั้นเป็นบริษัทสถาบันการเงินที่ให้บริการด้าน blockchain และ crypto อยู่ในขณะนี้
เมื่อถามถึงอัตราการปรับตัวใช้งานของคนทั่ว ๆ ไป นาย Antoni ได้ออกมาคอนเฟิร์มอีกครั้งหนึ่งว่าในขณะนี้ Bitcoin ได้กลายเป็นทองคำดิจิทัลไปแล้ว และผู้คนนั้นก็กำลังหันมาถือมันมากขึ้น แทนที่จะนำมันมาใช้เพื่อจ่ายหรือซื้อสินค้า และเขาก็ได้ออกมาเผยถึงตัวแปรทั้งหมดสามตัวที่จะทำให้ตลาดของ Bitcoin นั้นอาจมีมูลค่ารวมพุ่งแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์ได้ภายในปลายปีนี้
การ halving ของ Bitcoin
ปัจจัยแรกเลยนั้นก็คือปัจจัยที่หลาย ๆ คนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้ว ซึ่งนั่นก็คือการ halving ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ โดยนาย Trenchev ได้เสริมว่า Bitcoin นั้นเป็นสินทรัพย์ของหนึ่งในไม่กี่ตัวที่ให้ผลตอบแทนไม่สมมาตรอย่างเป็นระบบ ซึ่งก่อนหน้านี้มีสินทรัพย์ที่มีราคาขึ้นในลักษณะใกล้เคียงกันก็คือดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าต่อเงินไรส์มาร์คเมื่อปี 1920
ในขณะเดียวกันโมเดล stock to flow และรวมถึงโมเดลยอดนิยมอื่น ๆ นั้นก็เผยให้เห็นว่าตลาดนั้นพร้อมที่จะเป็นขาขึ้นในอีก 5 เดือนแล้ว
การเมืองโลก
แม้ว่าส่วนนี้จะไม่ได้อยู่ในบทสัมภาษณ์ของนาย Trenchev แต่ก็เป็นที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความตึงเครียดระหว่างประเทศสหรัฐฯและอิหรานนั้นกำลังบานปลายรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และนั่นอาจส่งผลเสียต่อสกุลเงินจริงของทั้งสองประเทศ แต่อาจส่งผลดีต่อสินทรัพย์ที่เป็น safe haven อย่างเช่นทองคำหรือ Bitcoin
ตามที่เราทราบกันดีเมื่อวานนี้ ว่าได้มีการโจมตีทิ้งระเบิดลอบสังหารนายพลคนสำคัญของอิหร่านโดยโดรนของสหรัฐฯ และภายหลังจากนั้นราคาของ Bitcoin นั้นก็พุ่งขึ้นเกือบ 8% ไปแตะระดับราคา 7,400 ดอลลาร์เลยทีเดียว ตามที่สยามบล็อกเชนได้รายงานไปแล้ว
ส่วนสินทรัพย์อื่น ๆ อย่างเช่นทองคำและน้ำมันนั้นก็มีราคาที่พุ่งสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นที่ตอกย้ำแนวคิดของสินทรัพย์ safe haven ได้เป็นอย่างดีว่าเมื่อยามเกิดสงครามนั้น สกุลเงินของรัฐบาลมักจะไร้ค่า และผู้คนจะแห่กันมาถือสินทรัพย์สากลเพื่อเอาตัวรอดกัน และดูเหมือนว่า Bitcoin ก็จะกลายเป็นหนึ่งใน safe haven ของประชาชนในอิหร่านไปแล้ว
ทว่าอย่างไรก็ตาม นักวิเคราห์ชื่อดังอย่างนาย Peter Schiff นั้นก็ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว โดยชี้ว่านักลงทุนนั้นซื้อทองคำเพราะคิดว่ามันเป็น safe haven ในขณะเดียวกันนักเก็งกำไรนั้นซื้อ Bitcoin และทำให้ราคาพุ่งขึ้น และหวังให้นักลงทุนมาซื้อเพราะคาดหวังว่าพวกเขาจะมองมันเป็น safe haven ทว่าสิ่งหนึ่งที่นาย Schiff พลาดไปนั้นก็คือนักเก็งกำไรก็ซื้อทองคำ และผลักให้ราคาของมันขึ้นเหมือนกัน
Heightened geopolitical risk has resulted in both gold and Bitcoin moving higher, but for different reasons. #Gold is being bought by investors as a safe haven. #Bitcoin is being bought by speculators betting that investors will buy it as a safe haven.
— Peter Schiff (@PeterSchiff) January 3, 2020
เศรษฐกิจ
ปัจจุบันเศรษฐกิจของโลกนั้นกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก และกำลังสร้างแรงกดดันให้กับธนาคารและระบบการเงินที่มีสกุลเงิน fiat โดยธนาคารกลางสหรัฐฯนั้นได้บรรลุข้อตกลงที่จะพิมพ์เงินดอลลาร์เพิ่มขึ้นอีก และนี่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในปี 2020 นี้
โดยอ้างอิงจากหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal นั้น ความบ้าคลั่งของนโยบายการเงินในสหรัฐฯได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยมันมีเม็ดเงินถึง 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์ที่กำลังถูกอัดฉีดเข้าไปในระบบเศรษฐกิจในขณะที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ตัว
แรงกดดันทางเศรษฐกิจนั้นดูเหมือนว่าจะผลักดันให้นักลงทุนหันหน้าเข้าหาสินทรัพย์ safe haven มากขึ้น เนื่องจากพวกเขาเริ่มกลัวว่าสกุลเงินของรัฐบาลที่ถือไว้อยู่ในมือนั้นจะสูญเสียมูลค่าลง หรืออาจมีการทำ capital control ที่รัดกุมขึ้นจนส่งผลกระทบต่อประชาชน ดั่งที่เรารู้กันดีว่าประเทศที่กำลังประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจในอเมริกาใต้อย่างเวเนซุเอลานั้นก็เริ่มหันหน้าเข้าหา cryptocurrency เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่พยายามสร้างเหรียญคริปโตเอง และประชาชนในประเทศที่เอาตัวรอดได้ด้วย Bitcoin มาตั้งแต่ปี 2018 แล้ว
ดูเหมือนว่าปัจจัยเหล่านี้จะไม่จางหายไปง่าย ๆ และมันอาจที่จะผลักดันให้ราคาของ Bitcoin พุ่งแตะ 50,000 ดอลลาร์ภายในปีนี้ก็เป็นได้ ทว่าอย่างไรก็ตามนักลงทุนก็ไม่ควรที่จะประมาท เพราะทุก ๆ คนต่างก็รู้ดีว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้กับ Bitcoin
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น