<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

วิจัยเผย นักเทรด Bitcoin ในเอเชียกว่า 60% ยอมรับว่าเคยถูกหลอกลวงต้มตุ๋นจนย่อยยับมาก่อน

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในปัจจุบันวงการคริปโตนั้นได้เติบโตมากขึ้นกว่า 5 ปีก่อนมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยีของเหรียญต่าง ๆ หรือบริการในอุตสาหกรรมคริปโตอย่างเช่น เว็บเทรดนั้นก็มีมากมายให้เลือกหลายเจ้า ซึ่งแต่ละเจ้าก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป

เว็บเทรดคริปโนั้นเป็นหนึ่งในบริการที่ผู้ใช้งานนิยมมากที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะผู้ที่เข้ามาในวงการคริปโตส่วนมาก ล้วนต้องการลงทุน, ซื้อขาย และหาที่เก็บคริปโตทั้งนั้น ซึ่งเว็บเทรดคริปโตก็เป็น Solution ที่ทำทั้งหมดนั้นได้ในบริการเดียวเลย

อ้างอิงจากงานวิจัยล่าสุดของ BDCenter เอเจนซีด้านดิจิทัลที่จับมือกับภาควิชาสังคมวิทยาของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐเบลารุส (Belarus State University) ที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนตุลาคม 2019

พวกเขาได้ทำการรวบรวมข้อมูลจากนักเทรดกว่า 800 คนกว่า 75 ประเทศ โดยถามคำถามจำนวน 30 คำถาม เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกใช้เว็บเทรดคริปโต เช่น

  • อะไรที่ทำให้เว็บเทรดคริปโตน่าดึงดูด: ค่าธรรมเนียมที่ต่ำ? จำนวนคูเทรดที่เยอะ? การฝากถอนที่ไว?
  • นักเทรด Forex ชอบสลับมาเทรด Cryptocurrency บ้างมั้ย?
  • ผู้ใช้งานคาดหวังอะไรกับแพลตฟอร์มเทรดคริปโต?
  • พฤติกรรมการเทรดของผู้ใช้งานแต่ละภูมิภาคหรือประเภทแตกต่างกันหรือไม่?

นักเทรดส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับอะไร?

นักเทรดให้ความสำคัญกับความเรียบง่าย

หนึ่งในข้อมูลที่น่าสนใจมาก ๆ ที่ได้จากผลสำรวจนี้คือ นักเทรดต้องการความเรียบง่าย และเว็บเทรดคริปโตส่วนใหญ่ก็ล้มเหลวในสิ่งนี้

นักเทรดจำนวน 80 เปอร์เซ็นต์ยอมรับว่า เพิ่งเข้ามาในตลาดคริปโตได้น้อยกว่า 3 ปีและต้องการเครื่องมือสำหรับมือใหม่

นักเทรดจำนวน 71 เปอร์เซ็นต์เลือกที่จะสร้างบัญชีเทรดแบบทดลอง (Demo Account) รวมทั้งการมีคู่มือการใช้งาน (Tutorials) ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกเว็บเทรดด้วย

นักเทรดเหล่านั้นให้ข้อมูลว่ามีเว็บเทรดคริปโตเพียง 37 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่มี Interface ที่ใช้งานง่าย และเว็บเทรดที่เหลือนั้นมีฟีเจอร์และส่วนอื่น ๆ ที่มากเกินไป

อะไรคือสิ่งที่สร้างเว็บเทรดคริปโตที่เพอร์เฟ็กต์?

นอกเหนือจากการที่การใช้งานเหมาะกับมือใหม่แล้ว เว็บเทรดคริปโตที่ดีต้องมีความรวดเร็ว พร้อมทั้งไม่ชาร์จค่าธรรมเนียมแค่การเทรดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ผู้ให้ข้อมูลกว่าครึ่งหนึ่งบอกว่า ความเร็วในการฝากถอนนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ (54 เปอร์เซ็นต์), รวมทั้งขนาดของค่าคอมมิชชันด้วย (53 เปอร์เซ็นต์)

นักเทรดกว่า 65 เปอร์เซ็นต์พบว่า ค่าธรรมเนียมในการเทรดนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่มีนักเทรดเพียง 36 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่มองว่าค่าธรรมเนียมในการถอนคริปโตนั้นเป็นเรื่องปกติ และมีเพียง 29 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่มองว่าค่าธรรมเนียมในการถอนเงิน Fiat เป็นเรื่องปกติ

ที่น่าตกใจคือ นักเทรดไม่ได้สนใจในแง่ของความปลอดภัยอย่างที่คิด มีเพียง 37 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ให้ความสำคัญมัน โดย 34 เปอร์เซ็นต์ให้ความสำคัญกับสภาพคล่อง หรือ Liquidity

ข้อมูลได้เผยว่า นักเทรดเชื่อใจที่จะฝากเงินของพวกเขาไว้กับเว็บเทรดคริปโต โดย 32.5 เปอร์เซ็นต์บอกว่า ฝากคริปโตทั้งหมดไว้กับเว็บเทรดเลย

นี่ถือว่าเป็นข้อมูลที่น่าสนใจมาก ๆ หากพิจารณาจากข้อมูลในอดีตที่ว่า ในปี 2019 นั้น มีความเสียหายจากการที่เว็บเทรดคริปโตถูกแฮ็กมูลคิดเป็นมูลค่ากว่า 292 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 8,824 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม นักเทรดเกือบ 70 เปอร์เซ็นต์บอกว่า จะพิจารณาย้ายเว็บเทรดที่ใช้งานหากมันถูกแฮ็กเช่นกัน

เว็บเทรดเดียวไม่เคยพอ

จากข้อมูล ดูเหมือนว่าเว็บเทรดคริปโตแห่งเดียวนั้นจะไม่เคยพอสำหรับผู้ใช้งาน เพราะมีนักเทรดจำนวน 40 เปอร์เซ็นต์ระบุว่า พวกเขาใชเงานเว็บเทรดมากกว่า 3 แห่งเป็นประจำ โดยมีเพียง 19 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ใช้งานแค่เว็บเดียว

สาเหตุที่เป็นแบบนั้นคาดว่าจะมาจากการที่เว็บเทรดเหล่านั้นมีคู่เทรดไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ใช้งาน ซึ่งแตกต่างจากแพลตฟอร์มเทรด Forex เพราะพวกนั้นจะมีสกุลเงินให้เทรดคล้าย ๆ กันหมด แต่เว็บเทรดคริปโตไม่ได้เป็นแบบนั้น บางเว็บก็มีคู่เทรดให้เลือกหลักร้อย, บางเว็บก็มีหลักสิบ, บางเว็บเปิดให้ถอนแค่เงิน Fiat หรือบางเว็บก็เปิดให้ถอนคริปโตได้ด้วย โดยนักเทรด 44.5 เปอร์เซ็นต์ให้ความสำคัญกับคู่เทรดเลยทีเดียว

นอกจากนี้ ข้อมูลยังเผยด้วยว่า ความพยายามของเว็บเทรดคริปโตในการเข้าถึงผู้ใช้งานด้วยการจัดการแข่งขัน หรือการตลาดประเภท Affiliate และอื่น ๆ นั้นไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไรนัก

ถึงแม้นักเทรด 57 เปอร์เซ็นต์จะเข้าร่วมการ Airdrop ของเว็บเทรดอย่างน้อย 1 ครั้ง แต่การจัดการแข่งขัน หรือกิจกรรมอื่น ๆ นั้นดึงดูดลูกค้าได้เพียง 10 และ 13 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น รวมทั้งนักเทรดเพียง 11.6 เปอร์เซ็นต์นั้นก็เผยว่า เลือกเว็บเทรดที่มีระบบ Referral หรือ Affiliate ด้วย

นักเทรดในเอเชียส่วนใหญ่เคยถูกต้มตุ๋น

สำหรับนักเทรดในภูมิภาคเอเชียแล้ว 59 เปอร์เซ็นต์ของพวกเขานั้นใช้งานเว็บเทรดคริปโต 3 เว็บหรือมากกว่านั้น รวมทั้งนักเทรดจำนวน 59 เปอร์เซ็นต์ให้ความสำคัญกับขนาดของค่าธรรมเนียมในการเทรดด้วยเวลาจะเลือกเทรด

ที่น่าสนใจสำหรับภูมิภาคนี้คือ มีเพียง 22 เปอร์เซ็นต์ที่บอกว่า จำนวนคู่เทรดนั้นเป็นเรื่องสำคัญ และนักเทรด 65 เปอร์เซ็นต์ยอมรับด้วยว่า เคยสูญเสียคริปโตมจากการหลอกลวงต้มตุ๋น ในขณะที่นักเทรดจำนวน 45 เปอร์เซ็นต์บอกว่า เคยสูญเสียเงินจากการที่เว็บเทรดถูกแฮ็ก

มีนักเทรดจำนวนถึง 75 เปอร์เซ็นต์ที่เข้าเว็บเทรดคริปโตทุกวัน ซึ่งเป็นภูมิภาคที่เยอะที่สุดแล้วจากข้อมูลที่วิจัย

นักเทรดในภูมิภาคอื่น ๆ ให้ความสำคัญกับอะไรกันบ้าง?

นักเทรดในยุโรปเน้นความปลอดภัย

ข้อมูลของผู้ใช้งานเว็บเทรดคริปโตในฝั่งยุโรปนั้นแตกต่างไปจากภูมิภาคเอเชีย 

นักเทรดจำนวน 56.6 เปอร์เซ็นต์ให้ความสำคัญกับค่าธรรมเนียมที่ต่ำ และ 56.6 เปอร์เซ็นต์ก็ให้ความสำคัญกับความเร็วของการฝากถอน

ที่น่าสนใจคือนักเทรดคริปโตในภูมิภาคนี้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมาก เพราะมีเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เก็บคริปโตทั้งหมดไว้ในเว็บเทรด และ 85 เปอร์เซ็นต์เผยว่า ไม่เคยสูญเสียเงินให้กับแฮ็กเกอร์เลย

นอกจากนี้ นักเทรด 90 เปอร์เซ็นต์ยังบอกด้วยว่า ถ้าเว็บเทรดที่ใช้อยู่ถูกแฮ็กจะทำการย้ายหนีทันที และนักเทรดส่วนใหญ่ (77 เปอร์เซ็นต์) ก็ใช้ Browser ในการเทรดคริปโต

นักเทรดสหรัฐฯ ชอบเว็บเทรดแบบ Decentralized

ข้อมูลที่น่าสนใจที่สุดสำหรับนักเทรดจากสหรัฐฯ ก็คือ 59 เปอร์เซ็นต์บอกว่า พวกเขาใช้งานเว็บเทรดแบบ Decentralized หรือ DEX ซึ่งมากกว่าภูมิภาคอื่นอย่างชัดเจน

นักเทรดสหรัฐฯ จำนวน 68 เปอร์เซ็นต์เลือกที่จะติดตามข่าวสารผ่านเว็บเทรดคริปโตเฉพาะทาง โดยจำนวน 50 เปอร์เซ็นต์จะติดตามข่าวสารผ่าน Telegram และ 23 เปอร์เซ็นต์ติดตามจากทาง Instagram

นักเทรดรัสเซียไม่ชอบบริการ OTC

สำหรับภูมิภาครัสเซียนั้น นักเทรดคริปโตที่นี่จำนวน 27 เปอร์เซ็นต์เลือกที่จะใช้เว็บเทรดคริปโตแห่งเดียว และมีเพียง 23 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ใช้เว็บเทรดแบบ Decentralized ต่างจากสหรัฐฯ

สิ่งที่ผลักดันให้นักเทรดเลือกแพลตฟอร์มคือความหลากหลายของสกุลเงิน (60 เปอร์เซ็นต์) และขนาดของค่าธรรมเนียม (52%)

ชาวรัสเซียนั้นไม่ค่อยเทรด Altcoins เหมือนกับภูมิภาคอื่น ๆ (แค่ 64 เปอร์เซ็นต์) และมีเพียง 17 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ใช้บริการแบบ Over-the-counter หรือ OTC ซึ่งถือว่าต่ำที่สุด

จุดที่น่าสนใจคือ รัสเซียนั้นมีจำนวนนักเทรดเพศหญิงถึง 12 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมากที่สุดจากทุกภูมิภาค

เทรดบน Desktop VS เทรดบน Smartphone

ดูเหมือนว่า การที่เว็บเทรดคริปโตนั้นมีต้องมีแอปฯ เทรดจะเป็นเรื่องที่สคำัญมาก ๆ สำหรับผู้ที่ชอบเทรดบนมือถือ มากกว่าผู้ที่ชอบเทรดบน Desktop

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ชอบเทรดใน Desktop นั้นให้ความสำคัญกับความเป็นมิตรของ Interface มากกว่า ผู้ที่ชอบเทรดบนมือถือ เนื่องจากนักเทรดที่ใช้งานมือถือนั้นมักจะมีการจัดวางที่เรียบง่ายไม่ยุ่งยากอยู่แล้ว ต่างจากเวอร์ชัน Desktop ที่มักจะมีอะไรซับซ้อนเต็มไปหมด เลยทำให้ผู้ที่เทรดบน Desktop นั้นเน้นความเป็นมิตรมากกว่านั่นเอง

นักเทรดจำนวน 83 เปอร์เซ็นตที่ใช้ Smartphone ในการเทรดสนใจ Rating ของเว็บเทรดนั้น ๆ และ 42 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่เทรดคริปโตบนมือถือมีอายุ 35 ถึง 44 ปี

ข้อมูลได้เผยว่า นักเทรดคริปโตมืออาชีพนั้นชื่นชอบที่จะเทรดบน Desktop มากกว่า ซึ่งมีนักเทรดเพียง 11 เปอร์เซ็นต์ที่เทรดบนมือถือมีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี ก็ชี้ได้ว่า นักเทรดที่มีประสบการณ์นั้นอาจจะชอบที่จะมีฟีเจอร์มากมายในการเทรดมากกว่าความสะดวกสบายในการเทรดบนมือถือนั่นเอง

ข้อมูลของผู้ใช้งานเหล่านี้นั้นอาจจะทำให้หลาย ๆ คนผิดคาดก็ได้ เพราะบางถูมิถาคเช่นเอเชียนั้นไม่ค่อยให้ความสำคัญกับความปลอดภ้ยเท่าไร ตรงกันข้ามกับยุโรปอย่างสิ้นเชิง

สำหรับนักเทรดคริปโตชาวไทยแล้ว ควรจะเลือกใช้บริการเว็บเทรดคริปโตที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบจากกลต. เท่านั้นเพื่อความปลอดภัย และไม่ควรหลงเชื่อคนแแปลกหน้า

นอกจากนี้ เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนแล้ว นักลงทุนควรจะกระจายที่เก็บคริปโตไว้หลาย ๆ แห่งให้เหมาะสมด้วย เช่นหลายเว็บเทรด หรือแบ่งส่วนหนึ่งไว้ใน Hardware Wallet ก็ได้เช่นกัน

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น