<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ตัวชี้วัด Open Interest เผยราคา Bitcoin อาจมีการร่วงเพื่อปรับฐานอย่างรุนแรงในเร็ว ๆ นี้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ปริมาณการซื้อขายอนุพันธ์ของสกุลเงินคริปโตอย่าง Bitcoin นั้นได้มีดัชนีชี้วัดอย่าง Open Interest (OI) ในการแสดงถึงระดับของกิจกรรมการซื้อขายและมูลค่าของการซื้อขายที่เกิดขึ้นในตลาด โดยอนุพันธ์ทางการเงินนั้นรวมไปถึงสัญญาการซื้อขายสินทรัพย์ในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งสัญญา Future ซึ่งยังไม่ถึงกำหนดสินสุดสัญญานั่นเอง

โดยล่าสุดนั้นปริมาณการซื้อขายอนุพันธ์ในตลาดนั้นได้เพิ่มสูงขึ้นจนใกล้ที่จะแตะระดับที่ 1 พันล้านดอลลาร์แล้วเมื่ออ้างอิงจากแพลตฟอร์มการซื้อขายอย่าง Bifinex โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนั้นอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อการปรับตัวของราคา (correction) ในอนาคตอันใกล้นี้ได้ 

ทั้งนี้เหล่านักวิเคราะห์นั้นได้คาดการณ์ว่าการปรับตัวของราคานั้นอาจส่งผลให้ระดับราคาของเหรียญตกลงมาอยู่ในกึ่งกลางของช่วงราคา 8,000 ดอลลาร์ ซึ่งกรณียังเปลี่ยนแปลงไปได้มากถึง 40% ตามที่นักวิเคราะห์บางรายตั้งเป้าไว้ ซึ่งหากมีลดลงของราคาในอัตราดังกล่าวอาจส่งผลให้ราคาเหรียญ Bitcoin นั้นอยู่ที่ระดับกึ่งกลางของช่วงราคา 5,000 ดอลลาร์ได้ 

อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนี้ เหรียญ Bitcoin นั้นได้มีการเพิ่มขึ้นของระดับราคาไปแตะจุดสูงสุดที่ 9,400 ดอลลาร์ในช่วงวันที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงราคาสูงที่สุดตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษจิกายนี่ 2019 ที่ผ่านมา อีกทั้งยังคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นของราคากว่า 5% ในช่วงสี่วันที่ผ่านมา

นอกจากนี้แล้วเมื่อพิจารณากราฟราคาของเหรียญดังกล่าวดังกล่าวแล้วจะพบว่าในกราฟรายวันนั้น เส้น moving average ในคาบเวลา 50 วันนั้นเตรียมเข้าตัดกับเส้น moving average ในคาบเวลา 200 วันในช่วงไม่กี่วันที่จะถึงนี้ โดยการตัดกันดังกล่าวนั้นเป็นสัญญาณสำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ขาขึ้น ซึ่งการตัดกันดังกล่าวได้เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วในช่วงเดือนเมษายนของปี 2019 ก่อนที่ราคาจะพุ่งแตะระดับที่ 13,800 ดอลลาร์นั่นเอง

อีกทั้งนักวิเคราะห์อย่างนาย Josh Rager ยังได้ออกมากล่าวผ่านทางบัญชีทวิตเตอร์ของเขาถึงการเปลี่ยนผ่านจากช่วงขาลงไปสู่ขาขึ้นในเร็วๆนี้จากช่วงระดับราคาที่เตรียมทะลุผ่านกรอบราคาไปสู่ขาขึ้นนั่นเอง ซึ่งเมื่อพิจารณาตลอดเดือนแรกของปีที่ผ่านมานี้ เหรียญดังกล่าวได้มีการเพิ่มขึ้นของราคากว่า 30% ซึ่งถือได้ว่าเป็นเดือนมกราคมที่ดีที่สุดในรอบสิบปีเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนั้นอาจมีที่มาจากหลายปัจจัยที่เกิดขึ้ยในตลาด อย่างเช่นเหตุการณ์ระดับโลกต่างๆตั้งแต่เหตุการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ ความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงภายในตลาดหุ้นและตลาดการเงินระหว่างประเทศ หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยจากไวรัส Coronavirus และความตื่นตัวต่อเหตุการณ์ Halving ที่จะมาถึงในเร็วๆนี้ เป็นต้น

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น