<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

CEO บริษัทด้านคริปโตชื่อดัง Blockstream ออกมาเผยถึงสาเหตุที่เหรียญ Tron นั้นดีกว่า Ethereum

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นาย Adam Back หรือ CEO ของ Blockstream ได้ออกมากล่าวว่าเขาไม่เข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างเหรียญ Ethereum (ETH) และ Tron (TRX) แต่กระนั้นเขาก็มองว่าเหรียญ Tron นั้น “อาจจะดีกว่า” คู่แข่งดังกล่าว

Tron บนระบบ Liquid?

ก่อนหน้าความเห็นดังกล่าวนั้น นาย Justin Sun หรือผู้ก่อตั้งเหรียญ Tron ได้ออกมากล่าวถึงความเป็นไปได้ในการไปใช้ระบบ sidechain ของบริษัท Blockstream โดยเครือข่ายดังกล่าวนั้นเรียกว่า Liquid พร้อมทวีตรูปภาพของเขาที่ถ่ายกับนาย Back และมีข้อความที่เขียนว่า “Ethereum นั้นจบเห่แล้ว” อีกด้วย

ก่อนหน้านี้เหรียญ Tron นั้นถูกเปิดตัวและใช้งานบน Blockchain ของ Ethereum ก่อนที่จะย้ายไปใช้ Blockchain ของตัวเองเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2018

Blockstream เตรียมพร้อมเพื่อ Tron

ที่น่าสนใจในช่วงนี้ก็คือ ดูเหมือนว่าแฟนพันธุ์แท้ Bitcoin หรือ Bitcoin Maximalist นั้นได้ออกมารวมตัวกันกับแฟน ๆ ของ Tron รวมถึงนาย Justin Sun เพื่อทำการ ‘จิกกัด’ Ethereum และนาย Vitalik Buterin ผู้ก่อตั้งเหรียญดังกล่าว ซึ่งมันยังไม่เป็นที่แน่ชัดถึงจุดประสงค์ของพวกเขาว่าเป็นการออกมาทำเล่น ๆ หรือทำจริง ๆ แต่ที่แน่ ๆ คือตอนนี้มันเริ่มมาเป็นกระแสในวงการคริปโตแล้ว

CSO ของบริษัท Blockstream นาย Samson Mow ก่อนหน้านี้เคยออกมาแสดงความคิดเห็น โดยเผยถึงสาเหตุที่ Tron นั้นมีความเป็น decentralized มากกว่า Ethereum พร้อมแจกแจงเปรียบเทียบทั้งสองเหรียญนี้ให้เห็นเป็นข้อ ๆ นอกจากนี้นาย Mow ยังได้หยิบยกข้อเปรียบเทียบที่ว่าเหรียญ Tron มีผู้ก่อตั้งที่ได้ไปกินข้าวกับ Warren Buffett แล้ว แต่ของ Ethereum นั้นไม่มี

 

ดรามาเริ่มเข้มข้น

นาย Peter McCormack หรือผู้ก่อตั้ง Podcast ชื่อดังอย่าง “What Bitcoin Did” นั้นเป็นผู้ที่ชอบด่า altcoin ว่าเป็น “ขยะ” และโจมตีผู้ที่ถือเหรียญเหล่านั้นเป็นชีวิตจิตใจ ทว่าอย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าล่าสุดนั้นเขาจะละเว้นเหรียญ Tron ไว้ อีกทั้งยังเปลี่ยนท่าทีที่เป็นบวกต่อ Tron พร้อมถึงกล่าวว่ามันจะมาเป็นเหรียญที่จะมาฆ่า Ethereum อีกด้วย

นอกจากนี้ นักเทรด Bitcoin ชื่อดังอย่าง Luke Martin ยังได้ออกมากล่าวชมการกระทำของนาย McCormack ว่าฉลาดมาก อีกทั้งยังแกล้งพูดว่านาย Justin นั้นอาจเป็น Satoshi Nakamoto ตัวจริงอีกด้วย

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น