<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ญี่ปุ่นกำลังกลัวจีนที่กำลังสร้าง Cryptocurrency เอง เตรียมพัฒนาบ้าง แล้วเสร็จใน 2-3 ปี

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในขณะที่จีนกำลังเร่งพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลเป็นของตัวเองอยู่ขณะนี้ ในขณะเดียวกันหลาย ๆ ประเทศต่างก็เริ่มกังวลว่าโปรเจคหยวนดิจิทัลที่กำลังจะมาถึงนี้อาจส่งผลกระทบกับพวกเขาอย่างมีนัยสำคัญ

ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้ร่างกฎหมายของญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งได้มีการเปิดเผยต่อสาธารณะชนว่าสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (CBDC) ได้มีแนวคิดที่จะต่อต้านสกุลเงินหยวนดิจิทัลของจีนที่กำลังจะเปิดตัวในเร็ว ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

ผู้ออกกฎหมายของญี่ปุ่นได้ออกมากล่าวว่า มันอาจจะต้อนใช้เวลาถึง “สองสามปี” ในการพัฒนาโปรเจคดังกล่าว แต่มันจะสายเกินไปหรือไม่? 

ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นไม่เห็นด้วยในการออก Cryptocurrency เอง

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนเมษายน 2018 นาย Masayoshi Amamiya รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นได้กล่าวถึงประเด็นนี้ในที่สาธารณะเป็นครั้งแรก แม้ว่าความคิดเห็นของเขาส่วนใหญ่จะพูดไปในเชิงลบก็ตาม ซึ่งดูเหมือนว่าเขาไม่ได้เห็นด้วยในการออกสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางในช่วงเวลานั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งนาย Amamiya โต้แย้งว่าการออก CBDC สำหรับการใช้งานทั่วไปจะส่งผลเสียต่อระบบการเงินดั้งเดิมที่มีอยู่ เนื่องจากมันจะทำให้ผู้บริโภคสามารถเปิดบัญชีได้โดยตรงที่ธนาคารกลางและด้วยเหตุนี้จึงเป็นการละทิ้ธนาคารเอกชนไปโดยปริยาย

“การออกสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางสำหรับการใช้งานทั่วไปนั้นคล้ายคลึงกับการอนุญาตให้ครัวเรือนและบริษัทต่าง ๆ มีบัญชีโดยตรงได้ที่ธนาคารกลาง สิ่งนี้อาจมีผลกระทบอย่างมากต่อตัวกลางทางการเงินของธนาคารเอกชน”

หลังจากครึ่งปีต่อมาในช่วงเดือนตุลาคม 2018 นาย Amamiya ก็ยังคงพูดเน้นย้ำถึงท่าทีในเชิงลบที่เขามีต่อ CBDC โดยเขาอ้างว่าสกุลเงินดิจิทัลดังกล่าว ไม่น่าจะเข้ามาช่วยปรับปรุงระบบการเงินที่มีอยู่เดิมได้และกล่าวเสริมด้วยว่าธนาคารกลางไม่ได้วางแผนที่จะออก CBDC สำหรับประชาชนทั่วไปเพื่อให้ใช้ในวัตถุประสงค์ของการชำระเงิน

นาย Amamiya ได้กล่าวว่า CBDC นั้นเป็นเครื่องมือสำหรับธนาคารกลางที่ใช้ในการควบคุมเศรษฐกิจเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลงถึงศูนย์ ตามทฤษฎีนี้สกุลเงินดิจิทัลที่ควบคุมโดยรัฐบาลจะสามารถเพิ่มขีดความสามารถของธนาคารกลางในการเรียกเก็บดอกเบี้ยเงินฝากจากบุคคลและบริษัท เพื่อกระตุ้นให้พวกเขามีการชำระเงินมากขึ้น ซึ่งนั่นจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่เป็นประเทศแรก ๆ ในการนำเสนออัตราดอกเบี้ยที่ติดลบในปี 2016 พร้อมกับธนาคารกลางยุโรป

จีนหายใจรดต้นคอ

เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาธนาคารประชาชนจีนรายงานว่าพวกเขาได้ยื่นขอสิทธิบัตรเพิ่มเติมเพื่อเตรียมเปิดตัวเหรียญ Cryptocurrency เป็นของตัวเองในเร็ว ๆ นี้ ในขณะเดียวกันแนวคิดที่ว่าจีนสามารถบังคับให้ประเทศอื่น ๆ ผันตัวไปพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลนั้นกำลังมีการพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง เนื่องจากการประกาศเปิดตัวของโปรเจค Libra ในช่วงฤดูร้อนของปี 2019 นั้นทำให้จีนต้องเร่งพัฒนาหยวนดิจิทัลอย่างเร่งด่วน

นาย Norihiro Nakayama รองรัฐมนตรีรัฐสภาเพื่อการต่างประเทศและเป็นสมาชิกคนสำคัญของพรรคเสรีนิยมประชาธิปไตยของญี่ปุ่นกล่าวเมื่อวันที่ 24 มกราคมว่า

“จีนกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่การออกหยวนดิจิทัล ดังนั้นเราจึงต้องการเสนอมาตรการเพื่อต่อต้านความพยายามดังกล่าว”

เมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมานาย Amamiya จากธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นได้มีการหารือกันอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกันเรื่องนี้ โดยระบุว่าธนาคารกลางต้องเตรียมพร้อมที่จะออก CBDC หากความต้องการของประชาชนเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมีการพัฒนาด้านเทคนิคที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามนาย Amamiya ชี้แจงว่าธนาคารยังไม่มีแผนที่จะออกเงินดิจิตอลในตอนนี้ เนื่องจากพวกเขากำลังประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อนโยบายทางการเงิน รวมถึงปัญหาด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากที่ BoJ จะศึกษาความเป็นไปได้ก่อนที่จะเดินหน้าออกเหรียญ CBDC

มันสายเกินไปที่ญี่ปุ่นจะพัฒนาคริปโตหรือไม่ ?

นาย Jeff Wentworth ผู้ร่วมก่อตั้งของ Curvegrid ซึ่งเป็นบริษัท blockchain ในโตเกียวเชื่อว่าการออกเงินเยนดิจิทัลจะเป็นขั้นตอนที่สมเหตุสมผลสำหรับธนาคารกลางท้องถิ่น โดยเขากล่าวว่า “ทุก ๆ เศรษฐกิจจำเป็นต้องมี CBDC มากพอ ๆ กับการที่เกือบทุกเศรษฐกิจเริ่มเปลี่ยนจากเงินกระดาษไปสู่ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ในช่วงปี 1980” อย่างไรก็ตามในมุมมองของ Wentworth นั้นเขากล่าวว่า Amari อาจจะประเมินค่า CBDC ที่ออกโดยจีนสูงเกินไป เนื่องจากประสิทธิภาพของมันจะต้องขึ้นอยู่กับการออกแบบของสกุลเงินด้วย : 

“ในความเป็นจริงแล้วดูเหมือนว่า CBDC จะทำให้สถานะของเงินในปัจจุบันแย่ลง แต่มันยากที่จะบอกได้ว่าสิ่งใดที่ส่งผลกระทบต่อเงินหยวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสกุลเงินทั่วโลก การพิจารณาที่สำคัญที่สุดก็คือการกระจายอำนาจของเงินหยวนและ CBDC ตัวอื่น ๆ นั้นจะมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมายได้อย่างไร ซึ่งหากพวกเขามีการการเก็บไว้ที่ส่วนกลาง พวกมันก็จะเป็น CBDC เพียงในนามเท่านั้นและไม่แตกต่างจากสถานะของเงินอิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบัน ดังนั้นเราอาจจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่มากขึ้นและมีแนวโน้มว่าสิ่งต่าง ๆ จะถูกขับเคลื่อนโดย CBDC ซึ่งจะมีการวิธีการกระจายอำนาจเพิ่มมากขึ้น”

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ธนาคารประชาชนของจีนจะเป็นผู้นำในการแข่งขัน CBDC ในปัจจุบัน แต่มันก็ยังไม่สายเกินไปที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะเริ่มต้นพัฒนาโปรเจคสกุลเงินดิจิทัลเป็นของตนเองในช่วงเวลานี้ เนื่องจากภายอีกสองถึงสามปีก็ยังถือว่าระยะเวลาที่ค่อนข้างเร็วสำหรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดการเงินโลก

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น