<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สถิติเผย ทุกครั้งที่ราคา Bitcoin พุ่ง 1,000 ดอลลาร์ มักจะลดลงต่อ 38%

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ข้อมูลเผยว่าหากราคาของเหรียญคริปโตอันดับหนึ่งของโลก Bitcoin นั้นพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในวันเดียวถึง 1,000 ดอลลาร์นั้น มันมักจะตามมาด้วยการ correction หรือการย่อตัวของราคาเสมอ

ในสัปดาห์นี้ราคาของ Bitcoin นั้นต้องทำให้นักเทรดหลายคนต้องประทับใจ เมื่อมันสามารถที่จะพุ่งทะลุระดับ 9,000 ดอลลาร์ได้ และสามารถพุ่งไปแตะ 9,400 ดอลลาร์ แต่อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่าตลาดขาขึ้นที่ทุกคนคาดหวังไว้ได้มาแล้ว

สถิติในอดีตที่ผ่านมาเผยให้เห็นว่าเมื่อไรก็ตามที่ราคา Bitcoin (BTC) เพิ่มขึ้นถึง 1,000 ดอลลาร์ภายในวันเดียว มันมักจะตามมาด้วยการย่อตัวของราคาเสมอ โดยการเพิ่มขึ้นของราคาจาก 7,700 ดอลลาร์สู่ 9,400 ดอลลาร์ที่ผ่านมานั้น มีโอกาสที่จะมีการร่วงลงไปสูงมากนับจากนี้ อ้างอิงจากนักวิเคราะห์

นอกเหนือจากนี้ตัวบ่งชี้ด้านเทคนิคเผยว่าโอกาสที่ราคาของ Bitcoin จะเกิดการพักตัวในระยะสั้นนั้นมีสูงมาก นอกจากนี้กราฟของ Relative Strength Index (RSI) บนกราฟรายวันนั้นอยู่ที่ 72 ซึ่งหมายความว่าตลาด Bitcoin นั้นอยู่ในจุดที่ถูกซื้อมากเกินไปแล้ว

ทำไมราคา Bitcoin อาจร่วงลงหลังจากนี้?

การพุ่งของราคาที่ส่งผลทำให้มันทำลายแนวต้านได้อย่างรุนแรงจนพุ่งไปแตะ 9,400 ดอลลาร์นั้น ส่งผลทำให้มันทะลุผ่านเส้น simple moving average (SMA) 200 วัน, เส้น exponential moving average (EMA) 200 วัน และเส้น 0.618 fibonacci retracement ที่ถูกกางไว้ระหว่างราคา 3,600 ดอลลาร์และ 14,000 ดอลลาร์อีกด้วย

โดยปกติแล้ว ราคาของ Bitcoin นั้นมักจะไม่วิ่งผ่านเส้นแนวต้านสำคัญทั้งหมด 3 จุดภายในวันเดียวโดยที่ไม่มีสัญญาณของการพักตัวเกิดขึ้น แต่เมื่อมันเกิดขึ้น มันมักจะทำให้ราคาตกอยู่ในความเสี่ยงในลักษณะที่ขึ้นเร็วและลงเร็ว เนื่องจากว่านักเทรดจำนวนมากนั้นจะแห่กันเทขายเพื่อ take profit

นาย Timothy Peterson หรือผู้จัดการจากบริษัทด้านการแนะนำการลงทุน Cane Island Alternative Advisors ได้กล่าวว่าราคาของ Bitcoin ที่เพิ่มขึ้น 1,000 ดอลลาร์ภายในวันเดียวนั้นเกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งที่ 14 ในประวัติศาสตร์

โดยอ้างอิงจากนาย Peterson นั้น หากราคา Bitcoin พุ่ง 1,000% ภายในวันเดียว ราคานั้นจะร่วงลงมา 5%, 21% และ 38% ตามช่วงจังหวะเวลาแบบในรูปด้านล่างนี้

ราคานั้นมักจะร่วงลงหลังจากการพุ่งขึ้น 10-20 เปอร์เซนต์ หลัก ๆ เป็นเพราะว่าโครงสร้างตลาดนั้นถูกเคลื่อนไหวไปในระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งนักลงทุนนั้นมักจะเปลี่ยนจากการ short เป็นการ long ส่งผลทำให้ผู้ที่ long ต้องติดดอย

ยกตัวอย่างเช่นบน BitMEX ที่อัตรา funding ของ ETH futures ที่มากกว่า 0.11% ซึ่งสิ่งนี้หมายความว่าเมื่อนักเทรดเปิด long ที่ 100,000 ดอลลาร์ พวกเขาจะต้องจ่าย 110 ดอลลาร์ในทุก ๆ 8 ชั่วโมง หรือ 330 ดอลลาร์ทุก ๆ วันเพื่อที่จะให้ position ของเขายังถูกเปิดอยู่ได้

และเมื่อราคาของเหรียญคริปโตนั้นเริ่มร่วงลง และสูญเสียโมเมนตัมแล้ว อัตรา funding ที่แพงนั้นก็จะไปบีบให้นักลงทุนที่เปิด long ต้องปรับเปลี่ยน position ของพวกเขา ทำให้ราคานั้นร่วงลงมาอีก

ตัวแปรที่ควรจับตาดู

ตลาด Bitcoin นั้นอาจทำให้หลาย ๆ คนต้องรู้สึกไม่ปลื้มเป็นเวลาสักพักหนึ่ง อีกทั้งอัตรา funding อาจจะสูงมากในตลาด และตลาดนั้นอาจอยู่ในจุดที่ถูกซื้อมากเกินไปได้เป็นเวลาหลายวัน ก่อนที่จะเกิดการร่วงลงของราคาขึ้น

ในขณะนี้ตลาดส่วนใหญ่นั้นเริ่มที่จะดูดีขึ้น เนื่องจากความหวังของนักลงทุนที่มองว่าตลาดในสหรัฐฯ และยุโรปที่กำลังฟื้นตัวขึ้น และนั่นจึงทำให้ราคาในตลาดคริปโตนั้นเคลื่อนตัวสูงขึ้น

ซึ่งเราก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าราคานั้นจะเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ดังกล่าวคาดการณ์ไว้หรือไม่ เมื่อการ halving นั้นใกล้จะเข้ามาถึงแล้ว เราอาจจะได้เห็นความผันผวนของราคาเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้อีกเป็นแน่

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น