เมื่อประมาณ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา Bitcoin นั้นได้เปลี่ยนไปสู่ยุคที่ 4 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากที่เกิดการ halving
ทว่าอย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าตลาดนั้นจะไม่ได้เกิดปฏิกิริยาด้านบวกทันทีเหมือนกับที่นักลงทุนหลาย ๆ คนคาดการณ์ไว้ แต่กลับกันราคา Bitcoin นั้นได้ร่วงลงมากว่า 15% ติดต่อกันเป็นวันที่ 3 แล้ว โดยก่อนหน้านี้ราคานั้นได้พุ่งไปแตะ 10,100 ดอลลาร์เมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมา ก่อนที่จะร่วงลงมาอยู่ที่ 8,596 ดอลลาร์ในขณะที่กำลังรายงานข่าวอยู่นี้
กระนั้นการร่วงลงของราคาดังกล่าวดูเหมือนว่าจะไม่สามารถหยุดให้มหาเศรษฐีพันล้านจาก Wall Street ออกมาทำนายราคา Bitcoin ว่ามันจะพุ่งไปแตะ 20,000 ดอลลาร์ได้ภายในสิ้นปีนี้
นักวิเคราะห์ยังคงมอง 20,000 ดอลลาร์เป็นเป้าหมาย
มหาเศรษฐี Mike Novogratz ผู้บริหารจาก Galaxy Digital ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับมุมมองการวิเคราะห์ราคาที่เป็นด้านบวกของ Bitcoin ของเขาในรายการ Fast Money ของ CNBC
เขาได้เน้นย้ำว่าตัวแปรหลัก ๆ ที่จะทำให้ราคา Bitcoin พุ่งแตะ 20,000 ดอลลาร์ได้นั้นก็คือการพิมพ์เงินเพิ่มเพื่ออัดฉีดของรัฐบาล รวมถึงบริษัทที่จ่อยื่นล้มละลายต่อรัฐบาล
นาย Novogratz ชี้ว่าการเข้ามาในตลาด Bitcoin ของนาย Paul Tudor Jones หรือนักบริหารกองทุน hedge fund ในตำนานนั้นถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าตลาดนี้กำลังดึงดูดนักลงทุนกระเป๋าหน้าเข้ามาเป็นจำนวนมาก
แม้ว่าเขาจะไม่ได้อธิบายเพิ่มเติมถึงความเห็นในข้อดังกล่าว แต่นักลงทุนหลาย ๆ คนเชื่อว่าการเข้ามาของนักลงทุนกระเป๋าหนาในตลาดนั้นถือเป็นสิ่งที่กระตุ้นการเกิดเหตุการณ์ตลาดขาขึ้นของคริปโตได้ ซึ่งการที่นาย Jones ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะเข้ามาลงทุนใน Bitcoin นั้นอาจดึงดูดให้นักลงทุนรายอื่น ๆ ที่ติดตามเข้ากระโดดเข้ามาตามด้วยเช่นกัน