<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นาย Vitalik Buterin เปิดใจถึงสิ่งที่ทำให้รู้สึกเสียใจมากที่สุด ตั้งแต่สร้าง Ethereum ขึ้นมา

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นาย Vitalik Buterin รู้สึกเสียใจอย่างมากที่สร้างโปรเจคคริปโต Ethereum ขึ้นมา ซึ่งปัจจบันมันเป็นเหรียญคริปโตอันดับ 2 ของโลก ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum blockchain วัย 26 ปีโพสต์ทวีตในวันนี้ว่า เขาเชื่อว่าการเปิดตัวของแพลตฟอร์มนั้นเร็วเกินไป 

Ethereum มีการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในปี 2014 และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมานาย Vitalik Buterin ก็ถูกยกย่องให้เป็นผู้ปฏิวัติวงการสกุลเงินดิจิทัล

อย่างไรก็ตามในวันนี้เขาเปิดใจว่าหาก Ethereum เปิดตัวช้ากว่านี้ซัก 10 เดือน ข้อบกพร่องที่ทีมพัฒนาใช้เวลาแก้ไขมานานหลายปี ก็จะไม่เกิดขึ้น

ในช่วงเริ่มต้นของโปรเจค ทีมพัฒนาได้ใช้ Hex Trees มาเป็นโครงสร้างของข้อมูลภายในแทนที่จะเป็น binary trees ซึ่งนี่เป็นสาเหตุที่นาย Vitalik Buterin รู้สึกเสียใจอย่างมากและอีกหนึ่งความเสียใจก็คือการเลือกใช้ RLP (Recursive Length Prefix) มาเป็นวิธีในการส่งข้อมูลผ่านของ node ซึ่งนักพัฒนา Ethereum นั่นรู้สึกไม่ชอบวิธีการ format เนื่องจากมันไม่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพที่ดีให้กับเครือข่ายได้

โพสต์ทวีตของนาย Buterin นั่นเป็นการตอบสนองคำพูดของนาย Justin Drake นักพัฒนาที่เคยกล่าวไว้ว่า “Ethereum 2.0 เป็นการอัพเกรดแพลตฟอร์มที่ใช้ระยะเวลานาน และจริง ๆ มันน่าจะพร้อมเปิดตัวตั้งแต่ปีที่แล้ว”

“เราทำให้ Eth2 นั้นกลายเป็นเรื่องยากสำหรับตัวเราเอง” นาย Drake กล่าวและให้เหตุผลด้วยว่า : มันมีการออกแบบ Blockchain ใหม่ที่ซ้ำกันเป็นจำนวนมากและจำนวนลูกค้าของ Blockchain เหล่านั้นก็จำเป็นต้องมีการดูแลอย่างทั่วถึง

“เราน่าจะเปิดตัวเร็วกว่านี้ประมาณหนึ่งหรือสองปี มันอาจจะเป็นวิธีที่เจ็บปวด แต่อย่างน้อยมันก็ถูกต้อง” เขากล่าว

ซึ่งดูเหมือนว่านาย Buterin จะเห็นด้วยกับ Drake ในเรื่องนี้ เช่นเดียวกับนักพัฒนาคนอื่น ๆ

ทุกคนถามว่าทำไม Ethereum 2 ถึงล่าช้า” นาย Ben Edgington จาก Teku กล่าวว่า “ ความล่าช้านี้แสดงให้เห็นว่าเราทำผิดพลาดและเราก็กำลังพยายามแก้ไขสิ่งนั้น แต่คำถามก็คือ ‘เพราะเหตุใดมันถึงใช้เวลานานมาก’ และเหตุผลก็คือ มันมีความซับซ้อนอย่างมากและเราพยายามทำมันให้ดีที่สุดจริงๆ” และในที่สุดเมื่อแพลตฟอร์มใหม่เปิดตัว (คาดว่าจะอยู่ในไตรมาสที่สามของปีนี้) คุณมั่นใจได้เลยว่ามันจะไม่มี Hex tree อีกต่อไป

ที่มา : decrypt