<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ตลาด Bitcoin ส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหลังจบการ Halving

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หนึ่งเดือนผ่านไป หลังจากที่เหตุการณ์ Bitcoin Halving 2020 ได้จบลง มีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นนับตั้งแต่นั้นมา จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักลงทุนและนักเทรดที่เติบโตเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ ซึ่งดูเหมือนว่าเหตุการณ์ Halving จะเป็นตัวจุดประกายให้กับผู้ที่เข้ามามีส่วนร่วมในตลาด Bitcoin ทั้งหมด

แม้ว่าเหตุการณ์ Halving จะไม่ได้มาพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของราคาในทันทีอย่างที่ใครหลายคนหวังเอาไว้ แต่ก็มีปัจจัยสำคัญบางประการที่บ่งบอกถึงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นและบางอย่างก็อาจเป็นจุดสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงอนาคตของ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์ประเภทใหม่ 

บางคนเชื่อว่าในปี 2020 นี้ มันเหมาะจะเป็นปีที่ดีของ Bitcoin ทั้งในแง่ของราคาและความชัดเจน รายงานล่าสุดจาก Bloomberg ทำนายว่า Bitcoin จะมูลค่าสูงกว่าระดับ All time high เดิมในปี 2017 และอาจพุ่งสูงถึงระดับ $ 28,000 ได้ในที่สุด เช่นเดียวกับนาย Simon Dedic ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทวิเคราะห์ด้านคริปโต ‘Blockfyre’ ที่เมื่อเร็ว ๆ นี้เขาได้กล่าวว่า เป้าหมายของราคา Bitcoin ในช่วง Bullrun รอบใหม่นี้อาจพุ่งขึ้นไปถึงระดับ $ 150,000 

สัญญาฟิวเจอร์

แม้ว่าช่วงต้นปี 2020 วอลุ่มสัญญา Bitcoin บนกระดานเทรด Chicago Mercantile Exchange (CME) จะลดน้อยลงอย่างมาก แต่แนวโน้มนี้ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากเหตุการณ์ Havling ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ระดับโลกอย่างนาย Paul Tudor Jones  เลือกเข้ามาลงทุนคริปโตในพอร์ตของเขา โดยเขากล่าวว่า : “กลยุทธ์การเพิ่มผลกำไรสูงสุดที่ดีที่สุดก็คือ การเป็นเจ้าของม้าตัวที่วิ่งเร็วที่สุด และหากผมถูกบีบบังคับให้คาดการณ์การเดิมพันของผม สิ่งนั้นก็ควรจะเป็น Bitcoin”

ข้อมูลจาก Skew แสดงให้เห็นว่าสัญญาฟิวเจอร์ของ Bitcoin ใน CME เริ่มแสดงให้เห็นแนวโน้มที่ดีขึ้น หลังจากที่เหตุการณ์ Halving จบลง แนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไปตลอดเดือนพฤษภาคม จากข้อมูลของ CryptoCompare ในเดือนพฤษภาคมเผยให้ว่า วอลุ่มการซื้อขายสัญญา CME Bitcoin Future นั่นเพิ่มขึ้นกว่า 59% และสามารถแตะระดับ 7.2 พันล้านดอลลาร์

“ในเดือนพฤษภาคมวอลุ่มสัญญา Option ทั้งหมดของ CME พุ่งแตะจุดสูงสุดรายเดือนที่ 5,986 สัญญา ตัวเลขนี้ยังคิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 16 เท่าจากวอลุ่มในเดือนเมษายน ยิ่งไปกว่านั้นวอลุ่มสัญญาฟิวเจอร์ของ CME ก็ได้ฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายนเพิ่มขึ้นกว่า 36% (จำนวนสัญญา) แตะ 166,000 สัญญาในเดือนพฤษภาคม”

อ้างอิงจากข่าวของกองทุน 3iQ ที่เผยว่า Bitcoin ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นโตรอนโตประมาณหนึ่งเดือนก่อนที่จะเกิดการ Halving นั่น Grayscale เปิดเผยว่ากองทุนคริปโตของพวกเขาทำเงินได้มากกว่า $ 500 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2020 

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายนกลุ่ม ETC ในกรุงลอนดอนประกาศลิสผลิตภัณฑ์การแลกเปลี่ยนคริปโตตัวแรกที่ Germany’s Xetra ซึ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์ดิจิตอลของเยอรมนี แบบสำรวจล่าสุดที่จัดทำโดย Fidelity พบว่ามากกว่าหนึ่งในสามของนักลงทุนสถาบันทั่วโลกต้องการที่จะลงทุนระยะยาวในสินทรัพย์ดิจิทัลเช่น Bitcoin โดย 80% ของนักลงทุนทั้งหมดพบว่ามีความสนใจในสินทรัพย์ประเภทนี้ ในขณะเดียวกันนาย Jonathan Hobb ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Ecstatus Capital ก็ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังความสนใจใน Bitcoin ของนักลงระดับสถาบันว่า :

“โปรแกรมซื้อพันธบัตรของ Fed ได้เพิ่มงบดุลกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์นับตั้งแต่วิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2008 โดยประมาณครึ่งหนึ่งมาจากการประกาศ QE ทั้ง 4 รอบเมื่อช่วงต้นปีนี้ สิ่งนี้ส่งผลให้นักลงทุนจำนวนมากมองเห็นว่า Bitcoin เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่อาจมีภาวะเงินเฟ้อเกิดขึ้น เหตุการณ์ Halving ของ Bitcoin ได้ช่วยโปรโมทเรื่องราวเหล่านี้และนักลงทุนระดับสถาบันยังมองเห็นด้วยว่า Bitcoin นั่นเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินใด ๆ บนโลก ดังนั้นมันจึงเหมาะเป็นสินทรัพย์การลงทุนที่ดีที่สุดในช่วงเวลานี้”

สัญญาฟิวเจอร์เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือว่าสัญญาณอันตรายจะปรากฏ?

ดูเหมือนว่าตลาดที่ไม่มีการควบคุม (โดยหน่วยงานกำกับดูแล) จะยังคงครองส่วนแบ่งตลาด BTC  มากที่สุดโดยเฉพาะตลาดฟิวเจอร์ที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมากในแง่ของวอลุ่มการซื้อขาย 

อ้างอิงข้อมูลจาก CryptoCompare การซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์ทั่วโลกเพิ่มขึ้นกว่า 32% ในเดือนพฤษภาคมและเพิ่มขึ้นแตะจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 602,000 ล้านดอลลาร์ เหมือนเดือนก่อน ๆ สัญญา Option ยังคงมีความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยวอลุ่มซื้อขายสัญญา Option บนกระดานเทรด Deribit เพิ่มขึ้นกว่า 109% แตะ 3.06 พันล้านดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม

ความกังวลว่าวอลุ่มการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์ที่เพิ่มขึ้น Bitcoin อาจนำไปสู่สัญญาณอันตรายไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ นาย Su Zhu CEO จากกองทุน Three Arrows Capital ได้ออกมาแถลงการณ์ว่า รูปแบบที่สังเกตได้เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนนั่นคล้ายกับ “Bart Simpson” ตัวการ์ตูนชื่อดังจากอเมริกา ซึ่งเกิดจากวอลุ่มและจำนวนสัญญาฟิวเจอร์ของ Bitcoin ที่อาจมาจากการปั่นราคาของตลาด :

“ผมสังเกตเห็นว่าวอลุ่ม Bitcoin ส่วนใหญ่มาจากกระดานเทรดเหล่านี้และมันไม่ได้ทำการซื้อขายไปรอบ ๆ ดังนั้น Bitcoin จำนวนเล็กน้อยที่อยู่ที่นั่นจะเป็นตัวเคลื่อนไหวราคาของตลาด”

รูปแบบ“ Bart Simpson” ใน BTC

Stablecoin

หลังจากเหตุการณ์ Halving ได้ผ่านพ้นไป เหรียญ Stable Coin ของ Tether (USDT)  ที่ได้รับการหนุนโดยเงินดอลลาร์สหรัฐ ก็พุ่งแซงหน้าเหรียญ XRP ไปอย่างไม่เห็นฝุ่นและขึ้นมาครองตำแหน่งเหรียญคริปโตอันดับสามของตลาดได้สำเร็จ อ้างอิงตามดัชนีของเหรียญ Stablecoin ที่เผยให้เห็นว่าเหรียญ USDT นั่นมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นก่อนเหตุการณ์ Halving และ USDT ยังครองส่วนแบ่งการแลกเปลี่ยนระหว่าง BTC กับเหรียญ stablecoin มากถึง ~98% อีกด้วย

การวิจัยแสดงให้เห็นว่ามันมีความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างการออกเหรียญ USDT และราคา Bitcoin ถึงแม้ว่าวอลุ่มการซื้อขายเหรียญ Stable Coin จะชะลอตัวลดลงในเดือนเมษายนและพฤษภาคมก็ตาม อ้างอิงข้อมูลจาก CryptoCompare ที่เผยว่า การเติบโตเพิ่มขึ้นสำหรับการออกเหรียญ USDT ยังคงมีแนวโน้มเชิงบวกต่อราคา Bitcoin ในระยะสั้นและระยะกลาง โดยนาย Brian Quinlivan ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและสื่อโซเชียลมีเดียของ Santiment กล่าวว่า :

“เมื่อผู้คนไม่ได้มีการใช้เหรียญ USDT พวกเขาส่วนใหญ่มักจะแลกเปลี่ยนมันเป็น Bitcoin และสิ่งที่เจ๋งก็คือความจริงที่ว่าเปอร์เซ็นต์ USDT นี้มักจะการผันผวนไม่กี่ชั่วโมงหรือหลายวันก่อนที่ราคา BTC จะมีการตอบสนอง ดังนั้นการตรวจสอบตัวชี้วัดล่วงหน้าสามารถทำให้นักเทรดนั่นมีข้อได้เปรียบอย่างมาก ด้วยการตรวจจับความผันผวนที่เกิดขึ้นก่อนคนอื่น ๆ ”

สรุป

แม้เหตุการณ์ Halving จะเพิ่งจบลงไปได้เพียงแค่หนึ่งเดือน แต่สิ่งต่าง ๆ ดูเหมือนว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากสำหรับ Bitcoin เนื่องจากจำนวนสัญญาฟิวเจอร์ที่พุ่งสูงขึ้น 

ข้อมูลหลายอย่าง ๆ ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับ Bitcoin แต่ความไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงของตลาดยังคงเป็นความท้าทายที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีผู้เล่นตัวจริงเข้ามามีส่วนร่วมในตลาด

ที่มา : cointelegraph