<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

มหาเศรษฐี Mike Novogratz เชื่อการลาออกของประธาน ก.ล.ต. สหรัฐคนล่าสุดอาจทำให้ Bitcoin ETF ได้รับการอนุมัติ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อมีข่าวว่าประธาน ก.ล.ต. สหรัฐคนล่าสุด นาย Jay Clayton กำลังลาออกจากตำแหน่ง ดูเหมือนว่ามหาเศรษฐีระดับพันล้านนาย Mike Novogratz กำลังรอคอยการยืนยันจากแหล่งข่าวและต้องการที่จะให้มันเกิดขึ้นจริงเนื่องจากเขามองว่านี่จะเป็นผลดีต่อ bitcoin

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเสนอให้นาย Clayton นั่งตำแหน่งอัยการของสารเขตใต้ในเมืองนิวยอร์กเพื่อแทนที่นาย Geoffrey Berman

หากลองมองย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ นาย Clayton เพิ่งจะได้รับตำแหน่งประธาน ก.ล.ต. เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมปี 2017 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นช่วงที่ตลาดคริปโตกำลังจะเริ่มบูมพอดี และทุกๆคนต่างก็กำลังเริ่มที่จะตั้งความหวังให้ Bitcoin ETF นั้นถือกำเนิดขึ้นมา

โดยในช่วงที่เขารับตำแหน่งอยู่นั้น มีความพยายามในการยื่นขออนุมัติเพื่อเปิดตลาด bitcoin ETF  จากบริษัทชั้นนำเป็นจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงบริษัท Bitwise และ VanEck แต่อย่างไรก็ตามคำขอเหล่านั้นก็ถูกตีตกไม่ได้รับอนุมัติในทุกๆครั้ง จนกระทั่งในตอนนี้ก็ยังไม่มีความหวังว่าคำขอของใครจะได้รับอนุมัติก่อนเป็นคนแรก แต่อย่างไรก็ตามนาย Novogratz เชื่อว่าการลงจากตำแหน่งของประธาน Clayton อาจส่งผลทำให้ Bitcoin ETF ได้รับการอนุมัติง่ายขึ้นในอนาคต

หากนับเวลา ตั้งแต่ตอนที่ bitcoin ถือกำเนิดขึ้นมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ก็อยู่ที่ราว 11 ปีมาแล้ว โดยเหรียญดังกล่าวมีอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 7,000%  แม้ว่าจะไม่มีตลาด ETF ไฮเทรดก็ตาม ซึ่งอัตราผลตอบแทนดังกล่าวนั้นดูเหมือนจะมีมากกว่าอัตราผลตอบแทนของผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนตัวอื่นๆตั้งแต่ตอนที่มันเกิดขึ้นมาในช่วง 11 ปีแรกเสียอีก โดยถือว่ามันเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีอัตราผลตอบแทนที่ดีที่สุดในปี 2020 ณ ตอนนี้ และมีแนวโน้มว่าจะดียิ่งขึ้นไปอีก

สิ่งนี้ส่งผลทำให้ผู้สนับสนุน bitcoin เชื่อว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ bitcoin ETF  ได้รับการอนุมัติแล้วนั้น อาจส่งผลทำให้ราคาของมันพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในอนาคตก็เป็นได้

ตลาดคริปโตนั้นจำเป็นที่จะต้องได้รับความร่วมมือจากทางภาครัฐในการที่จะปลดปล่อยศักยภาพออกมาได้เต็มที่ และนาย Novogratz หวังว่าผู้ที่จะมารับตำแหน่งแทนที่นาย Clayton นั้นจะเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีวิสัยทัศน์ยาวไกล และมีความต้องการที่จะพัฒนาให้อุตสาหกรรมดังกล่าวเติบโตได้ในอนาคต ซึ่งก็ต้องรอดูกัน