คริปโตเคอร์เรนซีก็ถูกนำมาใช้ก่ออาชญากรรมเป็นจำนวนมาก การกระทำผิดเกี่ยวกับคริปโตจะถูกสืบสวนโดยกองปราบปรามตำรวจและสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (AMLO) คดีใหญ่ ๆ ในประเทศไทยก็มีและนี่คือ 7 คดีคริปโตที่ดังที่สุดในประเทศไทย
คดีนายบูม
มีช่วงหนึ่งที่เป็นคดีของนักแสดงชาวไทยนายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต (บูม) ที่ร่วมมือกับนาย Aarni Otava Saarimaa หลอกเอาเงินนักลงทุนไปร่วมกว่า 5,564.4 BTC ในช่วงมิ.ย. 2017 มีการหลอกให้นักลงทุนลงทุนในทรัพย์สินไทยและเหรียญ Dragon Coins เป็นคดีโด่งดังไปทั่วประเทศซึ่งต่อมานายบูมถูกจับในเดือน ก.ค. 2017 และพี่ชายของนายบูม นายปริญญา จารวิจิต ก็ถูกจับร่วมด้วยหลังกลับมากอเมริกา คดียังไม่ได้รับการตัดสินจากศาล
คดี AlphaBay
ช่วงเดือน ก.ค. 2017 เจ้าหน้าที่จากหน่วยงาน FBI และ DEA จากแคนาดาและไทยได้สืบตัวตลาดค้ายา AlphaBay และ Hansa ทำการกวาดล้างกิจกรรมซื้อขายยาเสพติดผิดกฎหมายบน Dark Web เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการยึดคริปโตเคอร์เรนซีที่เป็นของ Alexandre Cazes คนก่อตั้งเว็บมืด AlphaBay และต่อมาก็ได้ฆ่าตัวตายในคุกที่กรุงเทพในวันที่ 12 ก.ค. 2017
คดีต้มตุ๋น Bitcoin ของชาวจีนในไทย
ชาวจีน 24 คนถูกจับที่เชียงใหม่ในเดือน ธ.ค. 2019 เนื่องจากไปมีส่วนร่วมกับการวางแผนหลอกลวงโทรหานักลงทุนจีนเพื่อหลอกเอา Bitcoin ตำรวจได้ทำการยึดคอมพิวเตอร์กว่า 60 เครื่องและโทรศัพท์กว่า 400 เครื่อง หน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองเป็นผู้เข้าจับกุมแก๊งก่อการร้ายนี้
คดีไลฟ์โค้ดด้านคริปโตถูกจับ
หนึ่งในผู้ก่อตั้งตลาดมือถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับในประเทศไทยช่วงเดือน ก.พ. 2018 นาย Sergey Sergeyevich Medvedev ผู้ร่วมก่อตั้ง Infraud หนึ่งในองค์กรก่ออาชญากรรมไซเบอร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ยึดเหรียญ BTC ไปได้กว่า 100,000 BTC ส่วนเคสอื่น ๆ อย่าง OneCoin ที่ผู้ร่วมก่อตั้ง Sebastian Greenwood ก็พยายามหลับหนีจากประเทศไทยสุดท้ายก็ถูกจับได้และส่งตัวกลับประเทศ
คดีพ่อมดคริปโต
ในเดือน ก.ย. 2019 เสี่ยมานะ หรือพ่อมดคริปโตถูกจับหลังโดนข้อหาหลอกเอาเงินเหยื่อให้ลงทุนใน Onecoin เสียหายมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท นอกจากนี้ทีมแก๊งต้มตุ๋นยังมีการแบ่งหน้าที่กันทำเพื่อหลอกลวงเหยื่อให้มาติดกับดักด้วย
คดีชาวสวีเดนหลอกเอาคริปโตไปลงทุนอสังหาฯ ในไทยและสวีเดน
ชาวสวีเดนนาย Roger Nils-Jonas Karlsson ถูกส่งตัวกลับประเทศสหรัฐฯในช่วงเดือน มิ.ย. 2019 หลังหลอกเอาเงินเหยื่อ 3,500 คนได้เงินไป 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หลอกเอาคริปโต) โดยใช้เว็บไซต์ easternmetalsecurities.com และ hci25.com เมื่อหลอกเอาเงินไปได้แล้วเขาก็นำเงินนี้ไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั้งในไทยและสวีเดน
คดีลักพาตัวชาวสิงคโปร์เรียกค่าไถ่เป็น Bitcoin
คดีสุดท้ายที่เป็นคดีดังไม่แพ้คดีอื่น ๆ นายมาร์ค เชง นักธุรกิจอายุ 33 ปี สัญชาติสิงคโปร์ ประกอบธุรกิจด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์และสร้างแอปพลิเคชันสตาร์ตอัพถูกลักพาตัวที่จังหวัดนครนายก พร้อมทั้งถูกทรมานจากแก๊งผู้ร้ายให้เขาโอน Bitcoin มูลค่า $742,418 ซึ่งตัวเขาได้โอนเงินที่มีอยู่ทั้งหมดในตอนนั้นไปให้แก๊งก่อการร้ายนี้ด้วยความกลัว แล้วก็พยายามหลบหนีออกมาได้ในที่สุด