<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เหรียญโทเค็นที่รันอยู่บนเครือข่ายของ Ethereum รวมกันมีมูลค่ามากกว่า ETH แล้ว

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ดูเหมือนว่ากระแส DeFi กำลังมาแรงอย่างมาก แต่กระนั้นราคาของเหรียญ Ethereum (ETH) ดูเหมือนว่าแทบจะไม่เคลื่อนไหวตามมูลค่าตลาดของ DeFi เลยแม้แต่น้อย แต่ในทางกลับกันเจ้าเหรียญ Token ที่ถูกสร้างบนเครือข่ายดังกล่าวกลับมีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นแทบจะทุกสัปดาห์

ปัจจุบันมูลค่าตลาดทั้งหมดของเหรียญ Token ที่ใช้เทคโนโลยี ERC-20 ของ Ethereum รวมกันประมาณ 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์แล้วอ้างอิงจากข้อมูลที่ถูกเผยแพร่โดย The Defiant อ้างอิงจากข้อมูลของ EtherScan หรือเครื่องมือที่เอาไว้ใช้ดู blockchain ของ Ethereum

และที่มูลค่า 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์ มีมากกว่าจำนวนตัวเลขของมูลค่าเหรียญพี่ 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์แล้ว

ดังนั้นหากจะสรุปให้ง่ายๆก็คือระบบเศรษฐกิจที่ถูกสร้างอยู่บน Ethereum นั้นมีมูลค่ามากกว่าตัวเหรียญ ETH ของมันเอง และนี่ยังไม่ได้นับจำนวนมูลค่าตลาดของเหรียญโทเคนที่อยู่บนเทคโนโลยี ERC721 (อย่างเช่น CryptoKitties หรือ Gods Unchained) ที่มีมูลค่าหลายล้านดอลลาร์อยู่ในตัวของพวกมันเอง ดังนั้นช่องว่างของมันถูกขยายมากขึ้นไปอีก

โดยหนึ่งใน App บน Ethereum ที่มีมูลค่ามากที่สุดเกี่ยวข้องกับ decentralized finance โดยก่อนหน้านี้มีรายงานว่าเหรียญ Token บน DeFi หนังกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยอัตราที่มากกว่า bitcoin และเหรียญคริปโตเคอเรนซี่อื่นในตลาด นอกจากนี้เหรียญโทเคนประเภท exchange และ dapps ประเภทที่มีความเสี่ยงสูงบน DeFi กำลังดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาในตลาดเป็นจำนวนมาก

บล็อกเชนมีมูลค่ามากกว่าคริปโต?

ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะมองมันอย่างไร ซึ่งสิ่งนี้อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกความเปิดโตที่มากขึ้นของตลาดก็เป็นได้ โดยเฉพาะ Ethereum พี่อะมูลค่าของมันด้วยการเป็นเครื่องซุปเปอร์คอมพิวเตอร์แบบ decentralized สำหรับโลกใบนี้

ในอีกแง่หนึ่งมูลค่าของ Ethereum ในแง่การเป็นเทคโนโลยีนั้นไม่สามารถที่จะถูกวัดได้ด้วยมูลค่าตลาดของเหรียญ ETH เนื่องจากว่ามันถือเป็นส่วนหนึ่งของระบบ Ecosystem ที่มีความซับซ้อนและก็ยังคงถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง

และเมื่อ Ethereum 2.0 กำลังเข้าใกล้มาเรื่อยๆ สัญญาณกระแสของ DeFi ในปีนี้อาจจะสามารถช่วยบอกอะไรได้หลายๆอย่าง

แต่ในอีกแง่หนึ่งการบูมของมันอาจจะไม่แตกต่างจากกระแส ICO ที่เคยเกิดขึ้นไปแล้วเมื่อปี 2017 ก็ได้ เพิ่งตลาดและนักลงทุนนั้นจะมาเป็นผู้ตัดสิน