<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

โอน Bitcoin ออกจากเว็ปเทรดช้า? ภาระที่ไม่ควรตกอยู่ที่บล็อคเชนหรือผู้บริโภคอีกต่อไป

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในปัจจุบันเราได้เห็นเว็ปเทรดส่วนใหญ่ประสบปัญหาในเรื่องของการถอนเหรียญคริปโตที่ล่าช้า แม้ว่าคำสั่งถอนจะได้รับการยืนยันจากทางเว็ปเทรดแล้วก็ตาม และความล่าช้าดังกล่าวก็ดูเหมือนว่าจะมาจากการที่ทางเว็ปเทรดจ่ายค่าธรรมเนียมในการถอนธุรกรรมให้ผู้ใช้น้อยกว่ามาตรฐานของเครือข่ายในบางครั้ง โดยสาเหตุหลัก ๆ เป็นเพราะว่าเหรียญที่ผู้ใช้สั่งถอนธุรกรรมส่วนใหญ่ ยังคงค้างอยู่ใน mem pool ทำให้ยังส่งไปไม่ถึงเครือข่ายบล็อกเชน เนื่องจากค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างน้อยและสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะทางเว็ปเทรดไม่ได้ทำการจ่ายค่าธรรมเนียมให้เป็นไปตามมาตรฐานในบางครั้ง  

ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้เกิดปัญหาที่ผู้ใช้หลาย ๆ คนมักจะพบเจออยู่เป็นประจำก็คือ เมื่อมีการยืนยันธุรกรรมจากทางเว็ปเทรดแล้ว แต่เหรียญก็ยังคงส่งไปไม่ถึงผู้รับอยู่ดี และอาจใช้เวลาเป็นชั่วโมงหรือนานหลายวัน ทำให้ผู้ใช้เสียเวลาอย่างมาก 

อย่างไรก็ตามหากเราลองมาคิดไตร่ตรองให้ละเอียดอีกที เราจะพบว่าปัญหาดังกล่าวจะให้โทษเครือข่ายบล็อคเชนเพียงฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เนื่องจากส่วนหนึ่งก็เป็นปัญหาที่ทางเว็ปเทรดควรจะมีส่วนรับผิดชอบด้วยเช่นกัน

เว็ปเทรดมีขั้นตอนการถอนเงินไปยังบล็อคเชนอย่างไร ?

ปกติแล้วเว็ปเทรดจะใช้วิธีประมวลผลธุรกรรมไปให้กับลูกค้าเป็นกลุ่ม หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ การเก็บรวบรวมธุรกรรมเป็นก้อนใหญ่ ๆ แล้วจึงค่อยส่งออกไปหาลูกค้าในคร่าวเดียว ดังนั้นเว็ปเทรดจะเสียค่าธรรมเนียมตรงนี้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งในส่วนนี้บางเว็ปเทรดอาจจ่ายให้พอดีกับค่าธรรมเนียมที่ผู้บริโภคจ่ายมา บางเว็ปอาจจ่ายให้ต่ำกว่า บางเว็ปอาจจ่ายให้มากกว่า ขึ้นอยู่กับเว็ปเทรดและสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ยกตัวอย่างเช่น หากลูกค้ามีการถอนธุรกรรมเข้ามาทั้งหมด 5 รายการ ในการทำธุรกรรมแต่ละครั้งเว็ปเทรดจะคิดธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 0.003 btc จากนั้นเว็ปเทรดจะทำการรวบรวมธุรกรรมทั้งหมด 5 รายการไว้ในบล็อคเดียวกันและส่งออกไปในครั้งเดียว ดังนั้นค่าธรรมเนียมที่เว็ปเทรดจ่ายจริงจะอยู่ที่เพียง 0.003 btc เท่านั้น ไม่ใช่ 0.003*5 = 0.015 btc

โดยเว็ปเทรดเลือกที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมแบบ standard เพื่อประหยัดต้นทุนและเก็บส่วนต่างไว้เป็นกำไร ซึ่งนี่เป็นเทคนิคที่แม้แต่เว็ปเทรดชั้นนำระดับโลกอย่าง Binance ก็ใช้อยู่ในปัจจุบัน เพราะฉะนั้นนอกเหนือจากเว็ปเทรดจะได้รับค่าธรรมเนียมในการเทรดและค่าธรรมเนียมจากการถอนเงินบาทแล้ว เว็ปเทรดยังได้รับค่าธรรมเนียมในการถอนคริปโตอีกด้วย ซึ่งคาดว่าน่าจะสูงกว่าค่าธรรมเนียมในการถอนเงินบาทเยอะมาก

ภาพด้านบนจะเป็นตัวอย่างของการส่งธรรมเนียมแบบกลุ่ม ซึ่งเราจะเห็นได้ว่ายอดรวม 0.16545936 btc ได้ถูกส่งไปในคร่าวเดียวหลายธุรกรรม โดยมีค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมครั้งนี้อยู่ที่เพียงแค่ 0.00120000 btc แต่เว็ปเทรดส่วนใหญ่คิดค่าธรรมเนียมสูงถึง 0.003 btc เลยทีเดียว

แนวทางการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น 

ระบบให้ผู้บริโภคเลือกจ่ายค่าธรรมเนียมเองกับระบบตรวจสอบความถูกต้องของค่าธรรมเนียม

ทางเว็ปเทรดควรทำระบบการจ่ายค่าธรรมเนียมในตอนถอน แบบที่ผู้บริโภคสามารถกำหนดเองได้ และมีกำหนดขั้นต่ำแบบอัตโนมัติ ยกตัวอย่างเช่น หากผู้บริโภคกดจ่ายค่าธรรมเนียมน้อยเกินไป ระบบก็จะทำการแจ้งเตือนว่า ‘ค่าธรรมเนียมของคุณน้อยเกินไป’ ไม่เพียงพอต่อความต้องการพื้นฐานของเครือข่าย โดยระบบตรงนี้ทางเว็ปเทรดสามารถเชื่อมต่อ API กับระบบของบล็อคเชนเพื่อที่จะตรวจสอบได้ว่า ค่าธรรมเนียมที่ผู้ใช้จ่ายในช่วงเวลานั้น น้อยเกินไปหรือไม่ 

ในอดีตเว็ปเทรดส่วนใหญ่มักจะมีฟีเจอร์ตรงนี้มาให้กับผู้ใช้งาน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ผู้ใช้งานสามารถกำหนดค่าธรรมเนียมเองได้ แต่ปัญหาก็คือว่าผู้ใช้งานมือใหม่ส่วนใหญ่มักจะไม่จ่ายค่าธรรมเนียม และไม่รู้ว่าส่วนของค่าธรรมเนียมตรงนี้คืออะไร ดังนั้นก็เลยไม่ได้ใส่ค่าธรรมเนียมลงไป สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ ผู้ใช้งานมือใหม่ประสบปัญหาการโอนเงินที่ล่าช้า เนื่องจากไม่ได้จ่ายค่าธรรมเนียม เพราะฉะนั้นจึงส่งผลทำให้ทางเว็ปเทรดแก้ปัญหานี้ด้วยการทำค่าธรรมเนียมแบบตายตัว (fix) ขึ้นมา แต่ทว่านั้นก็ได้สร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาอีกซึ่งก็คือ ปัญหาที่ทำให้ผู้ใช้งานหน้าเก่าหรือผู้ใช้งานมืออาชีพไม่สามารถเลือกที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมเป็นจำนวนที่สูงขึ้นได้ เพื่อให้ธุรกรรมของพวกเขาไปถึงที่หมายได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ปัญหาดังกล่าว ยังส่งผลทำให้ผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยกล้าใช้ Bitcoin ในการทำธุรกรรม เนื่องจากเว็ปเทรดไม่ได้จ่ายค่าธรรมเนียมทั้งหมดที่ผู้ใช้จ่ายจริงไปให้กับทางเครือข่าย แต่เป็นการรวบรวมธุรกรรมไว้ในบล็อคเดียวเพื่อส่งให้ไปถึงที่หมาย และในครั้งเว็ปเทรดอาจจ่ายค่าธรรมเนียมต่ำกว่าที่เครือข่ายต้องการหรือจ่ายค่าธรรมเนียมพื้นฐานของผู้ใช้เพียงคน ๆ เดียว ดังนั้จึงทำให้เหรียญไปถึงที่หมายได้ล่าช้า 

การทำ Child Pays For Parent

ปัจจุบันเว็ปเทรด Coinbase มีฟีเจอร์ที่ชื่อว่า ‘Child Pays For Parent’ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่เข้ามาช่วยเหลือธุรกรรมที่ติดขัดอยู่บนเครือข่าย โดยทาง Coinbase จะทำการอัดฉีดค่าธรรมเนียมเพิ่มตามหลังไปให้ 

ฟีเจอร์ดังกล่าวเป็นเทคนิคที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยรู้ เนื่องจากว่ามันจะเป็นเพิ่มการทำธุรกรรมในครั้งที่สองเข้าไป เพื่อจ่ายค่าธรรมเนียมที่มีมูลค่าสูงกว่าเข้าไปและทำให้บล็อคธุรกรรมที่ติดค้างอยู่ก่อนหน้านี้ได้รับการ confirm เร็วขึ้น ด้วยการช่วยเหลือจากบล็อคที่สอง เพราะถ้าหากนักขุดต้องการกินค่าธรรมเนียมของบล็อกที่สอง พวกเขาจะต้องทำการ confirm ในบล็อคแรกเสียก่อน ซึ่งเป็นบล็อคธุรกรรมที่ติดค้างไว้อยู่ก่อนหน้านี้ หรือพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ เมื่อการทำธุรกรรมในบล็อกแรกเกิดการติดขัด เนื่องจากการค่าธรรมเนียมที่น้อยเกินไป  Coinbase ก็จะส่งธุรกรรมอันที่สองที่มีค่าธรรมเนียมมากกว่าเข้าไปเพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับนักขุด Confirm เพื่อกินค่าธรรมเนียม แต่การที่จะทำแบบนั้นได้นักขุดจะทำ Confirm ธรรมเนียมในบล็อคแรกเสียก่อน และนี่ก็คือเทคนิคที่เรียกว่า Child Pays For Parent

อ้างอิงข้อมูลจาก Coinbase ที่รายงานก่อนหน้านี้ว่า หลังจากที่เว็ปเทรดได้นำฟีเจอร์ Child Pays For Parent มาใช้งานจริง ปัญหาเครือข่ายติดขัดหรือการทำธุรกรรมช้าก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย เนื่องจาก Coinbase มีนโยบายในการทำ Child Pays For Parent ให้กับผู้ใช้งานตลอด 

จ่ายค่าธรรมเนียมให้มากกว่าความต้องการของเครือข่าย

ถ้าหากว่าทางเว็ปเทรดไม่สามารถทำฟีเจอร์อันแรกหรืออันที่สองได้ ตามที่กล่าวมาข้างต้น อย่างน้อยเวลาประมวลผลการถอนธุรกรรมบนบล็อคเชน เว็ปเทรดก็ควรจ่ายค่าธรรมเนียมให้สูงกว่ามาตรฐาน เพราะอย่างน้อยแม้ว่าผู้บริโภคจะไม่ได้รับสิทธิ์ให้สามารถควบคุมค่าธรรมเนียมเองได้ เว็ปเทรดก็ควรที่จะจ่ายธรรมเนียมของเครือข่ายให้มากกว่าเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อช่วยให้การทำธุรกรรมของผู้ใช้ไปถึงที่หมายได้เร็วขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น หากมีผู้ใช้ทำธุรกรรมทั้งหมดเข้ามาพร้อมกัน 5 รายการ และเว็ปเทรดนำธุรกรรมทั้งหมดมาไว้รวมกันอยู่ในธุรกรรมเดียว ซึ่งผู้ใช้ทุกคนได้จ่ายค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 0.003 btc อย่างน้อยทางเว็ปเทรดก็ควรที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมอยู่ที่ 0.006-0.008 btc ไม่ใช่แค่จ่ายเพียง 0.003 btc เท่ากับค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมของคนเพียงคนเดียว 

สรุป

จากที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นนั่น ผู้ใช้จะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า สาเหตุในการโอนเหรียญ Bitcoin ออกจากเว็ปเทรดที่ช้านั่นก็ไม่ควรที่จะถูกผลักไปให้กับเครือข่ายของบล็อคเชนหรือว่าผู้ใช้งานเพียงผู้เดียว เว็ปเทรดก็ควรมีส่วนที่ต้องรับผิดชอบด้วยเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันก็มีหลายเว็ปเทรดที่ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า พวกเขามีการแก้ปัญหาในจุดนี้