ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เราได้เห็นการวิเคราะห์ราคาของนักวิเคราะห์ในตลาดเป็นจำนวนมากที่มองว่าตลาดจะกลายเป็นขาลงเนื่องจากว่ามันไม่สามารถพุ่งทะลุผ่านระดับ 12,000 ดอลลาร์ไปได้ แต่อย่างไรก็ตามมีนักวิเคราะห์อีกรายหนึ่งได้ออกมากล่าวว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลแต่อย่างใด
เขาได้ออกมาโพสต์กราฟด้านล่างในเมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมาโดยคาดการณ์ว่าราคาของ bitcoin ในปัจจุบันดูเหมือนเป็นการสะสมตัวเพื่อรอขึ้นต่อ โดยส่วนใหญ่แล้วการสะสมตัวนั้นมักจะต่อด้วยขาขึ้นที่แข็งแกร่งเสมอ
โดยนักวิเคราะห์ดังกล่าวผู้ใช้นามแฝงว่า SmartContracter ได้ออกมากล่าวว่า
“กราฟ bitcoin รายวันกำลังดูน่าตื่นเต้นอย่างมากในตอนนี้ ตลาดดูเหมือนจะมีการ sideway เกิดขึ้นเพิ่มเติมอีกแต่ผมเชื่อว่า”มันเป็นการสะสมตัวขึ้นเหนือระดับการ breakout เอาสำคัญ และผมได้เห็นนักวิเคราะห์สายหมีที่ไม่เพียงแต่โพสกราฟว่าราคามันจะลง แต่บางคนยังออกมากล่าวว่าราคาอ่านร่วงลงไปต่ำกว่า 3000 ดอลลาร์อีกครั้ง อยากจะถามจริงๆว่าพวกคุณมาจากดาวอะไร”
อย่างไรก็ตามนักเทรดดังกล่าวนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่คนคนหนึ่งที่เคยออกมาทำนายราคาในอดีตได้อย่างถูกต้อง
นอกจากนี้ยังมีนักวิเคราะห์อีกรายหนึ่งได้ออกมาทำนายว่าราคา bitcoin อาจจะเห็นกราฟในลักษณะรูปตัว V ที่ราคามีการปรับตัว ณ ที่จุดต่ำสุดในช่วงเดือนมีนาคม โดยเขาได้ออกมาแสดงกราฟด้านล่างในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมก่อนที่ราคาจะเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงพร้อมกล่าวว่า
“กราฟราคา bitcoin ฉันกำลังเผยให้เห็นถึงการ breakout ที่ดูสะอาดที่สุด ที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนมานานแล้วตั้งแต่ระดับ $4000”
ถึงขนาดใหญ่กำลังบ่งบอกว่าราคา bitcoin กำลังกลายเป็นขาขึ้น
สาเหตุหลักที่ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่กำลังมองว่าตลาด bitcoin จะเป็นขาขึ้นนั้นดูเหมือนจะมาจากตัวแปรในระดับมาโครและรวมถึงตัวแปรพื้นฐานของเหรียญคริปโตเคอเรนซี่
ก่อนหน้านี้นาย Mike Novogratz ผู้บริหารของบริษัท Galaxy Digital ได้ออกมากล่าวให้สัมภาษณ์กับทาง CNBC ในช่วงต้นเดือนนี้ว่าเขากล่าวว่าทางธนาคารกลางแห่งประเทศสหรัฐที่ออกมาพิมพ์เงินอย่างไม่หยุดยั้งกำลังจะทำให้ผู้คนหันไปมองหาทองคำและ bitcoin แทน
นอกจากนี้นาย Novogratz ยังกล่าวอีกด้วยว่าราคาของ bitcoin มีโอกาสพุ่งไปแตะ 10,000 ดอลลาร์ในอีกไม่กี่เดือนก็จะถึงและหลังจากนั้นก็จะ 200 ล่าในตอนท้ายปี
นอกจากนี้ยังมีบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเช่น MicroStrategy ที่เคยออกมาซื้อ bitcoin มูลค่ารวมกว่า 250 ล้านดอลลาร์อีกด้วยซึ่งเราอาจจะได้เห็นการเพิ่มขึ้นของราคาในอนาคตอีกก็เป็นได้